tag:blogger.com,1999:blog-59611579931283299202024-03-12T19:53:52.489-07:00ข้อมูลภาคอีสานAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.comBlogger20125tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-5429770500126973892013-04-30T23:13:00.002-07:002013-04-30T23:13:02.384-07:00จังหวัดอำนาจเจริญ Amnat-Charoen<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
เมื่อปี พ.ศ. 2337 เจ้าพระพรหมวรราชสุริยวงศ์ เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนที่ 2 ได้มีใบบอกลงไปกราบทูลพระกรุณาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขอพระราชทานตั้งบ้านโคกก่งกงพะเนียง (ปัจจุบันเป็นตำบลอยู่ในการปกครองของอำเภอชานุมาน) เป็นเมืองเขมราษฎร์ธานี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านโคกก่งกงพะเนียงเป็นเมืองเขมราฐธานี ตามที่พระพรหมวรราชสิริยวงศากราบทูล และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อุปฮาดก่ำ บุตรชายคนโตของพระวอจากเมืองอุบลราชธานี มาเป็นเจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานี (ที่ตั้งอยู่เมืองบริเวณบ้านคำแห้ว เมืองเก่า อำเภอชานุมาน) ได้รับสถาปนาเป็นพระเทพวงศา (ก่ำ)<br /><strong>จังหวัดอำนาจเจริญ</strong> เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จัดตั้งเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2536 พร้อมกับจังหวัดหนองบัวลำภูและจังหวัดสระแก้ว เดิมเป็นอำเภอในจังหวัดอุบลราชธานี ประกอบด้วยอำเภออำนาจเจริญ (ปัจจุบันคึออำเภอเมืองอำนาจเจริญ) อำเภอชานุมาน อำเภอปทุมราชวงศา อำเภอพนา อำเภอหัวตะพาน อำเภอเสนางคนิคม และกิ่งอำเภอลืออำนาจ (ปัจจุบันคืออำเภอลืออำนาจ) คำว่าอำนาจเจริญเป็นภาษาเขมร มีความหมายตามตัว คือ อำนาจเจริญ</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<strong>สภาพภูมิประเทศ</strong> โดยทั่วไปเป็นที่ลุ่มมีเนินเขาเตี้ย ๆ ทอดยาวไปจรดจังหวัดอุบลราชธานีที่อำเภอชานุมาน ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเฉลี่ยประมาณ 68 เมตร ( 227 ) ฟุต สภาพดินโดยทั่วไปเป็นดินร่วนปนทรายและดินลูกรังบางส่วน มีแม่น้ำโขงเป็นแนวเขตกั้นจังหวัดอำนาจเจริญกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่อำเภอชานุมาน มีลำน้ำใหญ่ ๆ ไหลผ่าน ได้แก่ ลำเซบก และลำเซบาย<br /><br />จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นจังหวัดในตอนใต้ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ระหว่าง เส้นรุ้งที่ 15 องศา 30 ลิปดาเหนือ ถึง 16 องศา 30 ลิปดาเหนือ และเส้นแวงที่ 104 องศา 15 ลิปดาตะวันออก ถึง 105 องศา 15 ลิปดาตะวันออก ห่างจากกรุงเทพมหานครโดยรถยนต์ประมาณ 568 กิโลเมตร แยกออกจากจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อปี พ.ศ. 2536 มีเนื้อที่ทั้งสิ้น <span style="color: maroon;">1,975,780 ไร่ หรือ 3,161.248 ตารางกิโลเมตร</span> มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้<br /><strong>ทิศเหนือ </strong>: ติดเขตจังหวัดยโสธร ที่อำเภอเลิงนกทา และจังหวัดมุกดาหาร ที่อำเภอดอนตาล<br /><strong>ทิศตะวันออก</strong> : ติดเขตประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามแนวฝั่งแม่น้ำโขงด้านอำเภอชานุมานเป็นระยะทาง 38 กิโลเมตร และจังหวัดอุบลราชธานีที่อำเภอเขมราฐ อำเภอกุดข้าวปุ้น และอำเภอตระการพืชผล<br /><strong>ทิศตะวันตก</strong> : ติดเขตจังหวัดยโสธร ที่อำเภอป่าติ้ว และอำเภอเลิงนกทา<br /><strong>ทิศใต้</strong> : ติดเขตจังหวัดอุบลราชธานี ที่อำเภอม่วงสามสิบ</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ภูมิอากาศโดยทั่วไป จังหวัดอำนาจเจริญจัดอยู่ในเขตอากาศแบบ Tropical Savannah คือจะเห็นความแตกต่างของฤดูฝนและฤดูแล้งอย่างชัดเจน มีช่วงกลางวันยาวในฤดูร้อน และมีอุณหภูมิสูงตลอดปี ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงกลางเดือนตุลาคม ในปี พ.ศ. 2550 มีฝนตก 78 วัน ปริมาณน้ำฝนวัดได้ 1,782.8 มิลลิเมตร ฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนมกราคม ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเมษายน</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<br /></div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
พระมงคลมิ่งเมือง แหล่งรุ่งเรืองเจ็ดลุ่มน้ำ งามล้ำถ้ำศักดิ์สิทธิ์ เทพนิมิตพระเหลา เกาะแก่งเขาแสนสวย เลอค่าด้วยผ้าไหม ราษฎร์เลื่อมใสใฝ่ธรรม</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
ตะเคียนหิน</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
ดอกจานเหลือง</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.amnat.info/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.amnat.info</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ ถนนชยางกูร ตำบลโนนหนามแท่ง อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ 37000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/amnatcharoen-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">7 อำเภอ 56 ตำบล 653 หมู่บ้าน</span><br />อำเภอเมืองอำนาจเจริญ, อำเภอชานุมาน, อำเภอปทุมราชวงศา, อำเภอพนา, อำเภอเสนางคนิคม, อำเภอหัวตะพาน, อำเภอลืออำนาจ</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-17243109212493620302013-04-30T23:12:00.004-07:002013-04-30T23:12:40.787-07:00จังหวัดอุบลราชธานี Ubon-Ratchathani<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดทางตะวันออกสุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและของประเทศไทย ทั้งยังเป็นตำบลที่ตั้งของเส้นเวลาหลักของประเทศ ที่เส้นแวง 105 องศาตะวันออก โดยเป็นจังหวัดแรกที่ได้เห็นดวงอาทิตย์ก่อนพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ จังหวัดอุบลราชธานีเป็นเมืองใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำมูลที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากว่า 200 ปี มีพื้นที่กว้างใหญ่ ภายหลังถูกแบ่งออกเป็นจังหวัดใหม่คือจังหวัดยโสธรในปี พ.ศ. 2515 และจังหวัดอำนาจเจริญในปี พ.ศ. 2536 ซึ่งถ้ารวมพื้นที่อีกสองจังหวัดที่แยกออกไป จังหวัดอุบลราชธานีจะมีพื้นที่เป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย อุบลราชธานี เป็นเมืองที่มีเขตการปกครองอย่างกว้างขวางที่สุด ทางด้านตะวันออกของภาคอีสานตอนล่างครอบคลุมที่ราบและแม่น้ำสายสำคัญของภาค อีสานถึง 3 สายด้วยกัน คือ แม่น้ำชี แม่น้ำมูล และแม่น้ำโขง อีกทั้งยังมีแม่น้ำสายเล็กๆที่มีกำเนิดจากเทือกเขาในพื้นที่ เช่น ลำเซบก ลำเซบาย ลำโดมใหญ่ เป็นต้น แม่น้ำทั้งหลายเหล่านี้ไหลผ่านที่ราบทางด้านเหนือและทางด้านใต้ทอด เป็นแนวยาวสู่ปากแม่น่ำมูลและแม่น้ำโขง ยังความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พื้นที่ในบริเวณแถบนี้ทั้งหมด ทำให้เกิดสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์มาแต่ โบราณกาล ในปี พ.ศ. 2476 ได้มีการยกเลิกมณฑลทั้งประเทศ จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งแยกออกมาจากมณฑลนครราชสีมาในขณะนั้น ได้กลายเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หลังจากนั้นจังหวัดอุบลราชธานีก็ได้ถูกแบ่งออก โดยอำเภอยโสธรและอำเภอใกล้เคียงเป็นจังหวัดยโสธร ในปี พ.ศ. 2515 และต่อมาปี 2536 ได้ถูกแบ่งอีกครั้ง โดยอำเภออำนาจเจริญและอำเภอใกล้เคียงเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ ปัจจุบันจังหวัดอุบลราชธานีมีพื้นที่เป็นอันดับ 5 ของไทย และมีประชากรลำดับที่ 3 ของประเทศ</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดอุบลราชธานีตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า <span style="color: red;">แอ่งโคราช (Khorat Basin)</span> โดยสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยประมาณ 68 เมตร (227 ฟุต) ลักษณะโดยทั่วไปเป็นที่สูงต่ำ เป็นที่ราบสูงลาดเอียงไปทางตะวันออกมีแม่น้ำโขง เป็นแนวเขตกั้นจังหวัดอุบลราชธานีกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีแม่น้ำชีไหลมาบรรจบกับแม่น้ำมูลซึ่งไหลผ่านกลางจังหวัดจากทิศตะวันตกมายังทิศตะวันออกแล้วไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอโขงเจียม และมีลำน้ำใหญ่ ๆ อีกหลายสาย ได้แก่ ลำเซบก ลำโดมใหญ่ ลำโดมน้อย และมีภูเขาสลับซับซ้อนหลายแห่งทางบริเวณชายแดนตอนใต้ ที่สำคัญคือ ทิวเขาบรรทัดและทิวเขาพนมดงรัก ซึ่งกั้นอาณาเขตระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชา<br />ลักษณะภูมิสัณฐานของจังหวัดอุบลราชธานี แบ่งออกโดยสังเขป ดังนี้<br /><strong>บริเวณที่เป็นสันดินริมน้ำ (river levee)</strong> เกิดจากตะกอนลำน้ำที่พัดพามาทับถม สภาพพื้นที่เป็นเนินสันดินริมฝั่งแม่น้ำโขง และบางบริเวณสันดินริมฝั่งลำเซบาย<br /><strong>บริเวณที่เป็นแบบตะพักลำน้ำ (terrace)</strong> ที่เกิดจากการกระทำของขบวนการของน้ำนานมาแล้ว ประกอบด้วยบริเวณที่เป็นลานตะพักลำน้ำระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง ลักษณะพื้นที่ที่มีทั้งที่เป็นที่ราบแบบลูกคลื่นลอนลาดจนถึงลูกคลื่นลอนชัน จะอยู่ถัดจากบริเวณที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงขึ้นมา พื้นที่เหล่านี้จะพบในบริเวณทั่วไปของจังหวัด กล่าวคือทางตอนเหนือ ทางตะวันออก และทางใต้ บางแห่งใช้สำหรับทำนาและบางแห่งใช้สำหรับปลูกพืชไร่<br /><strong>บริเวณที่เป็นแอ่ง (depression) หรือที่ลุ่มต่ำหลังลำน้ำ (backswamp) </strong>เกิดจากการกระทำของน้ำ พบบางแห่งในบริเวณริมแม่น้ำโขง แม่น้ำชี ลำเซบาย และลำโดมใหญ่ จะมีน้ำแช่ขังนานในฤดูฝน<br /><strong>บริเวณที่เป็นเนินตะกอนรูปพัด (coalescing fans)</strong> สภาพพื้นที่แบบนี้มีลักษณะเด่นคือ รูปร่างจะเป็นรูปพัด เกิดจากการที่หินในบริเวณเหล่านั้นถูกทำให้แตกหักสะสมอยู่กับพวกที่มีอนุภาคละเอียดกว่าเมื่อฝนตกลงมาในปริมาณมาก กำลังของน้ำจะมีมากจนสามารถพัดพาเอาตะกอนเหล่านั้นออกมานอกหุบเขาได้ เมื่อมาถึงนอกหุบเขาหรือเชิงเขา สภาพพื้นที่ก็จะเป็นที่ราบทางน้ำไหลกระจายออกไป ทำให้กำลังของน้ำลดลง ก็จะตกตะกอนในบริเวณน้ำ จะพบอยู่ทางตอนใต้และทางตะวันตกของจังหวัด<br /><strong>บริเวณที่เป็นเนินที่เกิดจากการไหลของธารลาวา (lava flow hill) </strong>เป็นเนินเขาที่เกิดจากการไหลของธารลาวา ดินบริเวณนี้จะมีศักยภาพทางการเกษตรสูง ซึ่งเป็นผลจากการสลายตัวผุพังของหินบะซอลต์ บริเวณนี้จะพบอยู่ในอำเภอน้ำยืน<br /><strong>บริเวณที่ลาดเชิงเขา (foot hill slope)</strong> เป็นที่ลาดเชิงเขาที่ตะกอนบริเวณที่เกิดจากการกระทำของน้ำนานมาแล้วทับถมกัน บริเวณนี้จะพบอยู่ในอำเภอโขงเจียม อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอตระการพืชผล<br /><strong>บริเวณที่ลาดเชิงซ้อน (slope complex) </strong>ลักษณะเป็นภูเขาหรือทิวเขามีความลาดชันมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ จะพบบริเวณทิวเขาพนมดงรักในอำเภอน้ำยืน อำเภอนาจะหลวย และอำเภอบุณฑริก อีกแห่งหนึ่งคือ ทิวเขาภูเขาซึ่งจะพบมากในอำเภอโขงเจียมและอำเภอศรีเมืองใหม่</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดอุบลราชธานี อยู่ในเขตที่มีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยของจังหวัดอื่น ๆ<br /><strong>ฤดูฝน</strong> จะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเรื่อยไปจนถึงปลายเดือนตุลาคม และมักปรากฏเสมอว่าฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม แต่ระยะเวลาการทิ้งช่วงมักจะไม่เหมือนกันในแต่ละปี และในช่วงปลายฤดูฝน มักจะมีพายุดีเปรสชั่นฝนตกชุกบางปีอาจมีภาวะ น้ำท่วมแต่ภาวะการณ์ไม่รุนแรงนัก<br /><strong>ฤดูหนาว</strong> เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของประเทศ ทำให้ได้รับอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือก่อนภูมิภาคอื่น อุณหภูมิจะเริ่มลดต่ำลงตั้งแต่เดือนตุลาคมและจะสิ้นสุดปลายเดือนมกราคม<br /><strong>ฤดูร้อน</strong> ถึงแม้ว่าเคยปรากฏบ่อยครั้งว่าอากาศยังคงหนาวเย็นยืดเยื้อมาจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยส่วนใหญ่แล้วอากาศจะ เริ่มอบอ้าว ในเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงประมาณต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งอาจจะมีฝน เริ่มตกอยู่บ้างในปลายเดือนเมษายน แต่ปริมาณน้ำฝนมักจะไม่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูก<br />นอกจากนั้นลักษณะภูมิอากาศทั่วไปคล้ายคลึงกับจังหวัดอื่น ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ จะมีอากาศร้อน ในฤดูหนาวค่อนข้างหนาว ส่วนในฤดูฝนจะมีฝนตกชุก ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2541 มีฝนตกประมาณ 106 วัน ปริมาณน้ำฝนวัดได้ 1,297.3 มิลลิเมตร</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
อุบลเมืองดอกบัวงาม แม่นำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์ ฉลาดภูมิปัญญาท้องถิ่น ดินแดนอนุสาวรีย์คนดีศรีอุบล</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
ยางนา</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
บัว</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.ubonratchathani.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.ubonratchathani.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
(สำนักงานชั่วคราว) สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถนนแจ้งสนิท ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 34000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/ubonratchathani-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดอุบลราชธานีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น<span style="color: maroon;"> 25 อำเภอ 219 ตำบล 2469 หมู่บ้าน</span><br />อำเภอเมืองอุบลราชธานี, อำเภอศรีเมืองใหม่, อำเภอโขงเจียม, อำเภอเขื่องใน, อำเภอเขมราฐ, อำเภอเดชอุดม, อำเภอนาจะหลวย, อำเภอน้ำยืน, อำเภอบุณฑริก, อำเภอตระการพืชผล, อำเภอกุดข้าวปุ้น, อำเภอม่วงสามสิบ, อำเภอวารินชำราบ, อำเภอพิบูลมังสาหาร, อำเภอตาลสุม, อำเภอโพธิ์ไทร, อำเภอสำโรง, อำเภอดอนมดแดง, อำเภอสิรินธร, อำเภอทุ่งศรีอุดม, อำเภอนาเยีย, อำเภอนาตาล, อำเภอเหล่าเสือโก้ก, อำเภอสว่างวีระวงศ์, อำเภอน้ำขุ่น</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-85611570682588945072013-04-30T23:12:00.001-07:002013-04-30T23:12:09.449-07:00จังหวัดอุดรธานี Udon-Thani<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีพบว่า บริเวณพื้นที่ที่เป็นจังหวัดอุดรธานีในปัจจุบัน เคยเป็น<span style="color: maroon;">ถิ่นที่อยู่ของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์</span>ประมาณ 5,000-7,000 ปี จากหลักฐานการค้นพบที่บ้านเชียง อำเภอหนองหานและภาพเขียนสีบนผนังถ้ำที่อำเภอบ้านผือ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีจนเป็นที่ยอมรับนับถือในวงการศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดีระหว่างประเทศว่า ชุมชนที่เป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ที่จังหวัดอุดรธานี มีอารยธรรมความเจริญในระดับสูง และอาจถ่ายทอดความเจริญนี้ไปสู่ประเทศจีนก็อาจเป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องปั้นดินเผาสีลายเส้นที่บ้านเชียงนั้นสันนิษฐานว่าอาจเป็นเครื่องปั้นดินเผาสีลายเส้นที่เก่าที่สุดของโลก<span style="color: maroon;">จังหวัดอุดรธานี</span> เป็นจังหวัดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร 564 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 11,730 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 7,331,438.75 ไร่) และยังมีแหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของประเทศ มีสภาพภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ จังหวัดอุดรธานีเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางอากาศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน อย่างไรก็ตามคำว่า<span style="color: maroon;">"อุดร"</span> มาปรากฏชื่อเมื่อปี พ.ศ. 2450 (พิธีตั้งเมืองอุดรธานี 1 เมษายน ร.ศ. 127 พ.ศ. 2450 โดยพระยาศรีสุริยราช วรานุวัตร “โพธิ์ เนติโพธิ์”) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีกระแสพระบรมราชโองการให้จัดตั้งเมืองอุดรธานีขึ้นที่บ้านหมากแข้ง อยู่ในการปกครองของมณฑลอุดร</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
สภาพพื้นที่ของจังหวัดอุดรธานี ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง สูงกว่า ระดับน้ำทะเล โดยเฉลี่ยประมาณ 187 เมตร พื้นที่เอียงลาดลงสู่แม่น้ำโขงทางจังหวัดหนองคาย ประกอบด้วย ทุ่งนา ป่าไม้ และภูเขา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินปนทรายและดินลูกรัง ชั้นล่างเป็น ดนิ ดาน ไม่เก็บ น้ำ หรือ อุ้ม น้ำ ในฤดูแล้งพื้นที่บางแห่งเป็นดินเค็มซึ่งประกอบการกสิกรรมไม่ค่อย ได้ผลดี พื้นที่บางส่วนเป็นลูกคลื่นลอนลาด มีพื้นที่ราบแทรกอยู่กระจัดกระจาย สภาพพื้นที่ทาง ตะวันตกมีภูเขาและป่าติดต่อกันเป็นแนวยาว มีเทือกเขาที่สำคัญ คือ<span style="color: maroon;">เทือกเขาภูพาน </span>ทอดเป็น แนวยาวตั้งแต่เขตเหนือสุดของจังหวัด</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
สภาพอากาศของจังหวัดอุดรธานี แบ่งออกเป็น 3 ฤดู ได้แก่<br />ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว เดือนที่มีอากาศร้อนอบอ้าวมากที่สุด คือ<span style="color: maroon;"> เดือนเมษายน</span> และหนาวเย็นที่สุด คือ<span style="color: maroon;"> เดือน มกราคม</span></div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
น้ำตกจากสันภูพาน อุทยานแห่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด แดนเนรมิตหนองประจักษ์ เลิศลักษณ์กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
เต็ง</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
ทองกวาว</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.udonthani.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.udonthani.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ถนนอธิบดี ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี 41000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/udonthani-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น<span style="color: maroon;"> 20 อำเภอ 155 ตำบล 1,682 หมู่บ้าน</span><br />อำเภอเมืองอุดรธานี, อำเภอกุดจับ, อำเภอหนองวัวซอ, อำเภอกุมภวาปี, อำเภอโนนสะอาด, อำเภอหนองหาน, อำเภอทุ่งฝน, อำเภอไชยวาน, อำเภอศรีธาตุ, อำเภอวังสามหมอ, อำเภอบ้านดุง, อำเภอบ้านผือ, อำเภอน้ำโสม, อำเภอเพ็ญ, อำเภอสร้างคอม, อำเภอหนองแสง, อำเภอนายูง, อำเภอพิบูลย์รักษ์, อำเภอกู่แก้ว, อำเภอประจักษ์ศิลปาคม</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-18369149325960106232013-04-30T23:11:00.004-07:002013-04-30T23:11:38.424-07:00จังหวัดหนองบัวลำภู Nong-Bua-Lam-Phu<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
หนองบัวลำภูหรือในอดีตเรียกว่า <span style="color: mediumblue;">นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน </span>ตามตำนานเจ้าพระวอ-เจ้าพระตา บุตรเจ้าปางคำ ผู้สร้างเมืองหนองบัวลำภูเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2302 โดยได้สร้างกำแพงเมือง มีค่ายคูประตูหอรบครบครันเพื่อป้องกันข้าศึก โดยเฉพาะข้าศึกจากทางเวียงจันทน์ คือ ได้สร้างกำแพงหิน หอรบขึ้นที่เชิงเขาบนภูพานคำ ซึ่งเป็นเส้นทางหน้าด่านใกล้กับบริเวณน้ำตกเฒ่าโต้ ห่างจากกำแพงเมืองไปทางทิศตะวันออกประมาณ 1 กิโลเมตร ต่อมาในปี พ.ศ. 2310 พระเจ้าสิริบุญสารแห่งเมืองเวียงจันทน์ ได้ส่งกองทัพมาปราบปราม เกิดการต่อสู้กันที่ช่องน้ำจั่น (น้ำตกเฒ่าโต้) บนภูพานคำ สู้รบกันอยู่สามปียังไม่แพ้ชนะกัน ทางฝ่ายเมืองเวียงจันทน์จึงขอกองทัพพม่ามาช่วยเหลือจนสามารถตีเมืองนครเขื่อนขันธ์ฯ ได้ พระวอ-พระตาจึงได้อพยพผู้คนหนีไปพึ่งพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมารแห่งอาณาจักรล้านช้างจำปาสัก ในปี พ.ศ. 2321 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาจักรียกกองทัพมาช่วยพระวอ-พระตาขับไล่กองทัพของพระเจ้าสิริบุญสารออกไป แล้วยกกองทัพติดตามเข้าตีเมืองเวียงจันทน์ได้ ครั้งนั้นได้ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตซึ่งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชนำไปจากเมืองเชียงใหม่ เมืองนครเขื่อนขันธ์ฯ ก็ได้มาขึ้นอยู่กับไทย</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ลักษณะภูมิประเทศของหนองบัวลำภู ส่วนใหญ่จะเป็นแอ่งที่ราบมีภูเขาล้อมรอบเทือกเขาที่สำคัญ คือ <span style="color: maroon;">เทือกเขาภูพาน </span>อยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดหนองบัวลำภู โดยทอดแนวยาวมาจากริมฝั่งแม่น้ำโขงตอนเหนือของอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ผ่านเข้ามาเขตอำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานีและเข้าสู่เขตอำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู และเข้าไปเขตอำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ผ่านไปกาฬสินธุ์ , สกลนคร และ จังหวัดนครพนม จังหวัดหนองบัวลำภู มีพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบสูงบางส่วนเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้นถึงลอนลึก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 200 เมตร ทางตอนบนของหวัดจะเป็นพื้นที่ภูเขาสูง แล้วลาดไปทางทิศใต้และทิศตะวันออก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินปนทราบและลูกรัง ไม่สามารถเก็บน้ำหรืออุ้มน้ำในฤดูแล้งได้</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ลักษณะภูมิอากาศในจังหวัดหนองบัวลำภูแบ่งออกเป็น 3 ฤดู เช่นเดียวกันกับจังหวัดอื่น ในภาตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาวสภาพภูมิอากาศโดยทั่วไป ขึ้นอยู่กับมรสุมที่พัดผ่านประจำปี จัดอยู่ในประเภทภูมิอากาศแบบพื้นเมือง ร้อนเฉพาะฤดู คือ จะมีฝนตกเฉพาะฤดูกาลสลับกับมีช่วงแห้งแล้งที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งแต่ละฤดูจะมีอุณหภูมิแตกต่างกัน ดังนี้<br /><strong>ฤดูหนาว</strong> : อุณหภูมิต่ำเฉลี่ยประมาณ 15 - 16 องศาเซลเซียส อยู่ในช่วงเดือนธันวาคม - มกราคม ของทุกปี<br /><strong>ฤดูร้อน </strong>: อุณหภูมิต่ำเฉลี่ยประมาณ 34 - 36 องศาเซลเซียส อยู่ในช่วงเดือนเมษายน - เดือน พฤษภาคม ของทุกปี<br /><strong>ฤดูฝน</strong> : อุณหภูมิต่ำเฉลี่ยประมาณ 20 - 24 องศาเซลเซียส (ในวันที่มีฝนตก) อยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน - พฤศจิกายน ของทุกปี</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
พะยูง</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
บัวหลวง</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.nongbualamphu.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.nongbualamphu.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศูนย์ราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ถนนหนองบัวลำภู-เลย ตำบลลำภู อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู 39000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/nongbualamphu-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">6 อำเภอ 59 ตำบล 636 หมู่บ้าน</span><br />อำเภอเมืองหนองบัวลำภู, อำเภอนากลาง, อำเภอโนนสัง, อำเภอศรีบุญเรือง, อำเภอสุวรรณคูหา, อำเภอนาวัง</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-81684444213001059022013-04-30T23:11:00.001-07:002013-04-30T23:11:15.516-07:00จังหวัดหนองคาย Nong-Khai<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดหนองคาย เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดฝั่งแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับประเทศลาว มีพื้นที่แคบแต่ยาว มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการชมบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา จังหวัดหนองคาย มีประวัติความเป็นมายาวนาน<span style="color: mediumblue;">ประมาณ 200 ปีเศษ</span> โดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เจ้าอนุวงศ์กษัตริย์ผู้ครองนครเวียงจันทน์ ได้ตั้งตัวเป็นกบฎ ยกกองทัพผ่านหัวเมืองรายทางมาจนถึงนครราชสีมา ทางกรุงเทพฯ ได้โปรดให้เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพมาปราบ โดยมีท้าวสุวอธรรมา (บุญมา) ยกกองทัพมาจากเมืองยโสธร และ พระยาเชียงสา มาช่วยเป็นกำลังสำคัญ ในที่สุดสามารถจับตัวเจ้าอนุวงศ์ไปกรุงเทพฯจนสำเร็จและได้พระราชทานบำเหน็จ ล่วงมาถึง 21 เมษายน พ.ศ.2371 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 3) โปรดเกล้าฯ ให้ท้าวสุวอธรรมา (บุญมา) เป็นพระปทุมเทวาภิบาล ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองหนองคายคนแรก และให้เมืองเวียงจันทน์ขึ้นตรงต่อเมืองหนองคาย</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
สภาพภูมิประเทศของจังหวัดหนองคายมีลักษณะทอดยาวตามลำน้ำโขง จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดชายแดนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มี<span style="color: maroon;">อาณาเขตติดกับนครหลวงเวียงจันทน์ </span>ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นเขตแดน จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดชายแดนที่มีเอกลักษณ์พิเศษโดยมีพื้นที่ทอดขนานยาวไปตามลำน้ำโขงมีความยาวทั้งสิ้น 210.60 กิโลเมตร ความกว้างของพื้นที่ทอดขนานไปตามลำน้ำโขงโดยเฉลี่ยประมาณ 20 – 25 กิโลเมตร ช่วงที่กว้างที่สุดอยู่ที่อำเภอเฝ้าไร่ และช่วงที่แคบที่สุดอยู่ที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคายมีอำเภอที่อยู่ติดกับลำน้ำโขง 6 อำเภอ คือ อำเภอสังคม อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอเมือง อำเภอโพนพิสัย และอำเภอรัตนวาปี และมีอาณาเขตติดต่อกับ สปป.ลาว คือ แขวงเวียงจันทน์ นครหลวงเวียงจันทน์ และแขวงบอลิคำไซ จังหวัดหนองคายมีจุดผ่านแดนไป สปป.ลาว รวม 6 จุด เป็นจุดผ่านแดนถาวร 2 จุด และจุดผ่อนปรน 4 จุด จุดผ่านแดนที่สำคัญและเป็นสากล คือ ด่านสะพานมิตรภาพไทย - ลาว ซึ่งรัฐบาลออสเตรเลีย-ไทย-สปป.ลาว ร่วมมือกันสร้างและเป็นประตูไปสู่อินโดจีน<br />ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง แยกได้เป็น 4 บริเวณ คือ<br /><strong>พื้นที่ค่อนข้างราบ</strong> ได้แก่ เขตอำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ และอำเภอศรีเชียงใหม่ ซึ่งใช้ประโยชน์ในการทำนา และปลูกพืชบริเวณริมน้ำโขง<br /><strong>พื้นที่เป็นคลื่นลอนลาด</strong> กระจายอยู่ทุกอำเภอเป็นหย่อมๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ทำนาและปลูกพืชไร่ พืชสวนและป่าธรรมชาติ<br /><strong>พื้นที่เป็นคลื่นลอนชันและเป็นเขาเป็นป่าธรรมชาติ </strong>เช่น ป่าไม้เต็งรัง เบญจพรรณ พบในเขตอำเภอสังคม<br />สภาพพื้นที่เป็นภูเขาที่มีความสูงชัน จากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 200 เมตร เป็นบริเวณเทือกเขาต่างๆ ทางทิศตะวันตกในเขตอำเภอสังคม<br />เนื่องจากแม่น้ำโขงไหลผ่านอำเภอต่างๆ เกือบทุกอำเภอ จึงก่อให้เกิดประโยชน์ในการเกษตรกรรม ราษฎรได้อาศัยแม่น้ำโขงเป็นแหล่งน้ำที่ใช้เพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะราษฎรที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขง จะได้รับประโยชน์มากกว่าราษฎรที่อยู่ลึกเข้าไปจากแม่น้ำโขง นอกจากนี้สำนักงานพลังงานแห่งชาติได้จัดตั้งสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ในพื้นที่ 9 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 82 สถานี เพื่อทำการสูบน้ำจากแม่น้ำโขงและแหล่งน้ำอื่น ๆ ขึ้นมาใช้เพื่อการเกษตรกรรม</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ลักษณะอากาศจัดอยู่ในจำพวกฝนแถบร้อนและแห้งแล้ง (ธ.ค. - ม.ค.) ในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะเริ่มลดในเดือนพฤศจิกายนและต่ำสุดในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม เป็นช่วงเปลี่ยนฤดู อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนมีนาคม และร้อนจัดในเดือนเมษายน ในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ (มิ.ย.- ก.ค.) อุณหภูมิโดยทั่วไปจะลดลง และในเดือนตุลาคมอุณหภูมิจะเริ่มลดลงจนอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิต่ำสุดรายปีอยู่ที่ 9.50 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดรายปีอยู่ที่ 40.60 องศาเซลเซียสเฉลี่ยรายปีอยู่ที่ 26.46 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนทั้งปีอยู่ที่ 1,843.6 มิลลิเมตรต่อปี</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
วีรกรรมปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทย-ลาว</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
ชิงชัน</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
ชิงชัน</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.nongkhai.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.nongkhai.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย ถนนมิตรภาพอุดร-หนองคาย ตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย 43000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/nongkhai-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">9 อำเภอ 62 ตำบล 705 หมู่บ้าน</span> มีรายชื่ออำเภอดังนี้<br />อำเภอเมืองหนองคาย, อำเภอท่าบ่อ, อำเภอโพนพิสัย, อำเภอศรีเชียงใหม่, อำเภอสังคม, อำเภอสระใคร, อำเภอเฝ้าไร่, อำเภอรัตนวาปี, อำเภอโพธิ์ตาก</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-22785467756304934922013-04-30T23:10:00.008-07:002013-04-30T23:10:57.603-07:00จังหวัดศรีสะเกษ Si-Sa-Ket<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<span style="color: mediumblue;">จังหวัดศรีสะเกษ</span> เป็นจังหวัดหนึ่งในบรรดา 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานครประเทศไทย อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ลักษณะภูมิประเทศทางตอนใต้เป็นที่สูง และค่อย ๆ ลาดต่ำไปทางเหนือลงสู่ลุ่มแม่น้ำมูลซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัด ปัจจุบันมีเนื้อที่ 8,840 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยอำเภอ 22 อำเภอ มีประชากรราว 1.45 ล้านคน ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย ซึ่งพูดภาษาถิ่นต่าง ๆ กัน อาทิ <span style="color: mediumblue;">ภาษาถิ่นอีสาน, ภาษากูย, ภาษาเยอ และภาษาเขมร</span> ส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชนและนับถือผีมาแต่เดิม มีการตั้งถิ่นฐานในจังหวัดศรีสะเกษมาแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จนเกิดพัฒนาการที่เข้มข้นในสมัยอาณาจักรขอมซึ่งได้ทิ้งมรดกทางวัฒนธรรมหลายประการไว้ เช่น ปราสาทหินและปรางค์กู่ศิลปะขอมตั้งกระจัดกระจายอยู่หลายแห่ง ครั้นในสมัยอาณาจักรอยุธยา มีการยกบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวน (ตำบลลำดวนใหญ่ อำเภอวังหิน ในปัจจุบัน) เป็นเมืองศรีนครลำดวน ต่อมาโยกย้ายลงทางใต้และได้ชื่อใหม่เป็นเมืองขุขันธ์ และในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งอาณาจักรรัตนโกสินทร์ได้ย้ายเมืองไปยังบริเวณตำบลเมืองเก่า (ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมืองศรีสะเกษ ในปัจจุบัน) แต่เรียกชื่อเมืองขุขันธ์ ตามเดิม กระทั่งยกฐานะเป็น จังหวัดขุขันธ์ เมื่อ พ.ศ. 2459 แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อ พ.ศ. 2481</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดศรีสะเกษนั้น ตอนใต้มีทิวเขาพนมดงรักซึ่งทอดตัวในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ยาว 127 กิโลเมตร ยอดเขาสูงสุดในจังหวัดชื่อ "พนมตาเมือน" สูง 673 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยตั้งอยู่ในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จากเขาพนมตาเมือนนี้ พื้นที่ค่อย ๆ ลาดต่ำลงไปทางเหนือเข้าสู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำมูล ภูมิประเทศส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ทางตอนกลางและตอนเหนือของจังหวัดมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มลอนลาด มีระดับความสูงระหว่าง 150-200 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีลำน้ำหลายสายไหลผ่านพื้นที่ราบนี้ลงไปยังแม่น้ำมูล ลำน้ำสายสำคัญได้แก่ ห้วยทับทัน ห้วยสำราญ และห้วยขะยุง ตัวจังหวัดศรีสะเกษในปัจจุบันตั้งอยู่ริมฝั่งห้วยสำราญ ห้วยน้ำคำและห้วยขะยุง ห่างจากแม่น้ำมูลไปทางทิศใต้ประมาณสิบกิโลเมตร และอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 126 เมตร ทางตอนเหนือของจังหวัดมีแม่น้ำมูลไหลผ่านเขตอำเภอศิลาลาด,อำเภอราษีไศล,อำเภอเมืองศรีสะเกษ,อำเภอยางชุมน้อย และอำเภอกันทรารมย์ เป็นระยะทางยาวประมาณ 120 กิโลมเตร บริเวณนี้ถือเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ที่สุดของจังหวัด เนื่องจากเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่อันอยู่สูงจากระดับทะเลปานกลางประมาณ 115-130 เมตร<br /><span style="color: maroon;"><strong>ทุ่งกุลาร้องไห้</strong></span> เป็นที่ราบขนาดใหญ่มีพื้นที่ประมาณ 2 ล้านไร่ อยู่ในเขตจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดร้อยเอ็ด การที่ได้ชื่อว่าทุ่งกุลาร้องไห้ มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า ชนเผ่ากุลาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยจากเมืองเมาะตะมะ ประเทศพม่า ได้เดินทางมาค้าขายผ่านทุ่งแห่งนี้ ต้องใช้เวลาเดินทางหลายวัน ไม่พบหมู่บ้านใด ๆ เลย น้ำก็ไม่มีดื่ม ต้นไม้ก็ไม่มีที่จะให้ร่มเงา มีแต่ทุ่งหญ้าเต็มไปหมด พื้นดินเป็นทราย เดินทางยากลำบากเหมือนอยู่กลางทะเลทราย ทำให้คนพวกนี้ถึงกับร้องไห้ ในอดีตทุ่งกุลาร้องไห้ในฤดูแล้ง พื้นที่ส่วนใหญ่จะแห้งแล้งมาก ส่วนในฤดูฝนน้ำจะท่วมทุกปี ใต้พื้นดินลงไปเป็นน้ำเค็ม ไม่สามารถทำการเกษตรได้ หลังจากที่ได้มีการพัฒนาที่ดินแล้ว ทุ่งกุลาร้องไห้ได้กลายเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญของประเทศ และกลายเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่มีชื่อเสียงของไทย</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ลักษณะภูมิอากาศโดยทั่วไปของจังหวัดศรีสะเกษ มีอากาศร้อนจัดในฤดูร้อนและ<span style="color: maroon;">ค่อนข้างหนาวจัดในฤดูหนาว</span> ส่วนฤดูฝนจะมีฝนตกหนักในเดือนกันยายน โดยมักจะตกหนักในพื้นที่ตอนกลางและตอนใต้ของจังหวัด ส่วนพื้นที่ทางตอนเหนือของจังหวัดจะมีปริมารฝนตกน้อย และไม่ค่อยสม่ำเสมอ โดยเฉลี่ยแล้วในปีหนึ่ง ๆ จะมีฝนตก 100 วัน ปริมาณฝนเฉลี่ย 1,200-1,400 มิลลิเมตรต่อปี อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 10 องศาเซลเซียส สูงสุดประมาณ 40 องศาเซลเซียส เฉลี่ยประมาณ 26-28 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยร้อยละ 66-73 ในเดือนกุมภาพันธ์มีปริมาณความชื้นสัมพัทธ์ร้อยละ 62.24 และปริมาณความชื้นสัมพัทธ์จะเพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมเป็นร้อยละ 71.95 ปริมาณความชื้นสัมพัทธ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งปริมาณความชื้นสัมพัทธ์สูงสุดวัดได้ในเดือนสิงหาคมที่ร้อยละ 78.16 เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝน หลังจากนั้นปริมาณความชื้นสัมพัทธ์จะลดลงช่วงสิ้นสุดฤดูฝนในเดือนตุลาคมถึงธันวาคม โดยมีปริมาณความชื้นสัมพัทธ์ร้อยละ 73.80, 68.67 และ 66.45 ตามลำดับ เนื่องจากเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
หลวงพ่อโตคู่บ้าน ถิ่นฐานปราสาทขอม ข้าว หอม กระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม เลิศล้ำสามัคคี</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
ลำดวน</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
ลำดวน</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.sisaket.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.sisaket.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ถนนเทพา ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ 33000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/sisaket-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดศรีสะเกษแบ่งการปกครองเป็น <span style="color: maroon;">2,557 หมู่บ้าน, 206 ตำบล, 22 อำเภอ</span> ได้แก่<br />อำเภอเมืองศรีสะเกษ, อำเภอยางชุมน้อย, อำเภอกันทรารมย์, อำเภอกันทรลักษ์, อำเภอขุขันธ์, อำเภอไพรบึง, อำเภอปรางค์กู่, อำเภอขุนหาญ, อำเภอราษีไศล, อำเภออุทุมพรพิสัย, อำเภอบึงบูรพ์, อำเภอห้วยทับทัน, อำเภอโนนคูณ, อำเภอศรีรัตนะ, อำเภอน้ำเกลี้ยง, อำเภอวังหิน, อำเภอภูสิงห์, อำเภอเมืองจันทร์, อำเภอเบญจลักษ์, อำเภอพยุห์, อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ, อำเภอศิลาลาด</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-30163179066811735892013-04-30T23:10:00.005-07:002013-04-30T23:10:33.253-07:00จังหวัดสุรินทร์ Surin<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
เมืองสุรินทร์เป็นเมืองที่สร้างอย่างมั่นคงในปางก่อน มีคูถึง 3 ชั้น มีเนินดินเป็นกำแพงเมือง น่าจะเป็นเพราะเห็นว่าเป็นเมืองหน้าด่านทั้งทางตะวันออก และทางใต้ซึ่งมีช่องข้ามเขาบรรทัดต่อจังหวัดสุรินทร์อยู่หลายช่อง คือ<span style="color: maroon;"> ช่องปราสาทตาเมิน, ช่องเสม็ก, ช่องดอนแก้ว</span> เป็นต้น ซึ่งมีทางเดินไปสู่ศรีโสภณ และเมืองจงกัน ยังมีคนและเกวียนเดินอยู่ทุกช่อง แต่เป็นทางลำบาก คงสะดวกแต่ช่องตะโก ต่อมาทางตะวันตก ซึ่งกรมทางได้ไปทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว บริเวณเมืองสุรินทร์เป็นพื้นที่ลุ่ม น้ำท่วมตลอดปี แต่ก็ทำไร่นาได้ เป็นทุ่งใหญ่ บ้านเมืองกำลังจะเจริญขึ้น เพราะเป็นปลายทางรถไฟ มีห้องแถวคึกคักไม่หย่อนกว่าอุบล และกำลังสร้างทำอยู่อีกก็มีมาก พลเมืองแห่งจังหวัดสุรินทร์เป็นเขมรเป็นชาวพื้นเมือง เช่น <span style="color: maroon;">บุรีรัมย์ นางรอง</span> มีลาวเจือปนบ้างเป็นส่วนน้อย กับมีชาติส่วยอีกพวกหนึ่ง ซึ่งว่าพูดภาษาของตนต่างหาก ตามที่ผู้รู้กล่าวว่า พื้นเป็น<span style="color: mediumblue;">ภาษาเขมรเจือด้วยคำลาว</span> พวกเขมรพลเมืองสุรินทร์ยังคงพูดภาษาเขมร อยู่ทั่วไปและที่กล่าวว่าไม่รู้ภาษาไทยก็มีต้องใช้ล่ามเนืองๆ ผู้ปกครองท้องถิ่น เห็นว่าเป็นการดิ้นรน แสร้งทำเป็นพูดไทยไม่ได้ก็มีอยู่มาก แต่ในการปกครองไม่ปรากฏว่ามีความยากลำบากอะไรกว่าพลเมืองธรรมดา ในเรื่องของภาษาเขมรสอบสวนได้ความว่า วิชชาหนังสือขอมสูญแล้ว ไม่มีใครเรียน และไม่มีที่เรียน เพราะโรงเรียนสอนภาษาไทยอย่างเดียว เวลานี้มีแต่คนแก่ๆ เท่านั้นที่รู้หนังสือขอม ได้เพียงนี้ก็เห็นว่าในทางปกครองที่จะให้เกิดเป็นสำนึกของคนไทย นับว่าได้ทำไปได้มากแล้ว ถ้าจัดการโรงเรียนให้เจริญขึ้นอีก และในต่อไปการคมนาคมกับกรุงเทพสะดวกขึ้น พลเมืองพวกนี้จะรู้สึกตัวเป็นไทยยิ่งขึ้นทุกวัน</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดสุรินทร์ตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบสูงมีลักษณะพื้นที่ดังนี้<br /><span style="color: maroon;">ทางตอนใต้ของจังหวัด</span> เป็นพื้นที่ราบสูง มีภูเขาสลับซับซ้อนหลายลูก มีป่าทึบสลับป่าเบญจพรรณตามบริเวณแนวเขตชายแดน (อำเภอบัวเชด อำเภอสังขะ อำเภอกาบเชิง และอำเภอพนมดงรัก) ที่ติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา ต่อจากบริเวณภูเขาลงมาเป็นที่ราบสูง ลุ่มๆ ดอนๆ ลาดเทมีลักษณะเป็นลูกคลื่น ค่อยๆ ลาดเทไปทางตอนกลางและตอนเหนือของจังหวัด<br /><span style="color: maroon;">ทางตอนกลางของจังหวัด</span> พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม แต่มีพื้นที่บางส่วนเป็นที่ดอน สลับที่ลุ่มลอนลาดเช่นเดียวกัน แต่ไม่มากเท่าทางตอนใต้ของจังหวัด (อำเภอเมืองสุรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ อำเภอศรีขรภูมิ อำเภอสำโรงทาบ อำเภอลำดวน และอำเภอศรีณรงค์)<br /><span style="color: maroon;">ทางตอนเหนือของจังหวัด</span> พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ (อำเภอจอมพระ อำเภอสนม) และที่ราบลุ่ม (อำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม อำเภอรัตนบุรี และอำเภอโนนนารายณ์) โดยเฉพาะอำเภอชุมพลบุรี และอำเภอท่าตูม อยู่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำมูลในเขตของ ทุ่งกุลาร้องให้ ลักษณะของดินในจังหวัดสุรินทร์ เป็นดินร่วนปนทราย มีบางพื้นที่ เช่น อำเภอเขวาสินรินทร์ เป็นดินเหนียวปนทราย ฉะนั้นดินในจังหวัดสุรินทร์จึงอุ้มน้ำได้น้อย</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดสุรินทร์ อยู่ในแถบของลมมรสุมเขตร้อน ลักษณะของลมฟ้า อากาศ และปริมาณน้ำฝน จะขึ้นอยู่กับอิทธิพลของลมมรสุมเป็นสำคัญ ลมมรสุมที่พัดผ่าน คือ<br /><span style="color: blue;">1. ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ </span>พัดจากมหาสมุทรอินเดียเข้าสู่บริเวณภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดฝนตก แต่จังหวัดสุรินทร์ได้รับปริมาณน้ำฝนจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ค่อนข้างน้อย เนื่องจากมีเทือกเขาพนมดงรักกั้นอยู่ ปริมาณน้ำฝนส่วนใหญ่มาจากอิทธิพลของลมพายุในทะเลจีนใต้<br /><span style="color: blue;">2. ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ</span> พัดจากแคว้นไซบีเรียและทางตอนเหนือของประเทศจีน ทำให้เกิดความหนาวเย็นและความแห้งแล้งโดยทั่วไป โดยเฉพาะจังหวัดสุรินทร์ได้รับผลกระทบค่อนข้างสูง<br /><span style="color: blue;">3. ฤดูกาลในจังหวัดสุรินทร์ </span>มี 3 ฤดู ในแต่ละฤดูจะมีช่วงเวลาไม่คงที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และอิทธิพลของลมมรสุมเป็นหลัก แต่โดยทั่ว ๆ ไป พอสรุปได้ดังนี้<br /><span style="color: maroon;">ฤดูร้อน </span>อยู่ระหว่างช่วงเดือน กุมภาพันธ์ หรือมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม อากาศร้อนอบอ้าว และร้อนจัดมากในบางช่วงส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งโดยทั่วไป<br /><span style="color: maroon;">ฤดูฝน</span> อยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน ถึงเดือนตุลาคม ปริมาณน้ำฝนไม่แน่นอน บางปีมาก บางปีน้อย ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของลมมรสุมและลมพายุดีเปรสชันในทะเลจีนใต้<br /><span style="color: maroon;">ฤดูหนาว</span> อยู่ระหว่างช่วงเดือนตุลาคม หรือพฤศจิกายน ถึงเดือนมกราคม ความหนาวเย็นในแต่ละปีขึ้นอยู่กับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และร่องความกดอากาศต่ำจากประเทศจีน</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
กันเกรา</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
กันเกรา</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.surin.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.surin.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ ถนนหลักเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ 32000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/surin-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดสุรินทร์มีการปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">17 อำเภอ 158 ตำบล 2011 หมู่บ้าน</span><br />อำเภอเมืองสุรินทร์, อำเภอชุมพลบุรี, อำเภอท่าตูม, อำเภอจอมพระ, อำเภอปราสาท, อำเภอกาบเชิง, อำเภอรัตนบุรี, อำเภอสนม, อำเภอศีขรภูมิ, อำเภอสังขะ, อำเภอลำดวน, อำเภอสำโรงทาบ, อำเภอบัวเชด, อำเภอพนมดงรัก, อำเภอศรีณรงค์, อำเภอเขวาสินรินทร์, อำเภอโนนนารายณ์</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-18217594713374729032013-04-30T23:10:00.001-07:002013-04-30T23:10:03.256-07:00จังหวัดสกลนคร Sakon-Nakhon<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
สกลนคร เป็นแหล่งธรรมะ มีปูชนียสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาหลายแห่ง เช่น พระธาตุเชิงชุม พระธาตุดูม พระธาตุนารายณ์เจงเวง พระธาตุศรีมงคล พระธาตุภูเพ็ก และมีพระเกจิอาจารย์ดังที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ อาทิ <span style="color: maroon;">พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, พระอาจารย์วัน อุตตโม และหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี </span>เป็นต้น สกลนครเดิมชื่อ<span style="color: maroon;"> เมืองหนองหารหลวง</span> แห่งอาณาจักรขอมโบราณ โดยขุนขอมราชบุตรเจ้าเมืองอินทปัฐนคร ซึ่งได้อพยพครอบครัวและบ่าวไพร่มาจากเมืองเขมร มาสร้างเมืองใหม่ที่ริมหนองหารหลวง บริเวณท่านางอาบ ปัจจุบันเรียกว่าท่าศาลา อำเภอโคกศรีสุพรรณ มีเจ้าปกครองเรื่อยมาจนสิ้นสมัยพระเจ้าสุวรรณภิงคาระ เมื่อเกิดฝนแล้งทำให้ราษฎรอพยพไปเมืองเขมร เมืองหนองหารหลวงจึงร้างอยู่ระยะหนึ่ง ครั้นถึงพุทธศตวรรษที่ 19 เมื่อสกลนครอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านช้าง จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "เชียงใหม่หนองหาร" หรือเมืองสระหลวงหลังจากนั้นเมืองสกลนคร คงอยู่ใต้การปกครองกันไปมา ระหว่างอาณาจักรล้านช้างกับอาณาจักรสุโขทัย และไม่ค่อยมีบทบาททางประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นนัก จนมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้คนกระจัดกระจายเป็นชุมชนเล็กๆทำมาหากินตามริมหนองหาร จ่ายส่วย อากรให้เจ้าแขวงประเทศราชศรีโคตรบอง เพื่อถวายต้นไม้เงิน ต้นไม้ทองให้แก่ราชธานีกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง สูงกว่าระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยประมาณ 172 เมตร ด้านทิศเหนือของจังหวัด (บริเวณอำเภอบ้านม่วง อำเภอคำตากล้า อำเภอสว่างแดนดิน อำเภออากาศอำนวย และอำเภอเจริญศิลป์) มีลักษณะภูมิประเทศเป็น<span style="color: maroon;">ที่ราบลุ่มลอนคลื่นไม่สม่ำเสมอกัน</span> ใช้น้ำจากลำห้วยสาขาในการทำนา ทิศเหนือของอำเภออากาศอำนวยเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง เนื่องจากติดกับแม่น้ำสงคราม ทำให้เหมาะแก่การทำนากว่าพื้นที่โดยรอบ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าทาม ที่ขึ้นริมน้ำและปล่อยรกร้างว่างเปล่า ส่วนทางตอนใต้มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ เรียกว่าแอ่งสกลนคร จุดต่ำสุดของแอ่งคือ ทะเลสาบหนองหาน อำเภอเมืองสกลนคร และหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม นอกจากนี้ยังมีทิวเขาภูพานทางด้านทิศตะวันตกและทิศใต้บริเวณอำเภอภูพานและอำเภอกุดบาก มีลักษณะภูมิประเทศแบบภูเขาสูงสลับกับที่ราบลูกคลื่นที่อยู่ช่วงกลางระหว่างทิวเขาภูพานในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดสกลนคร</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ลักษณะภูมิประเทศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่ราบสูง มีทิวเขาล้อมรอบทั้งด้านทิศตะวันตกและด้านใต้ ได้แก่ ทิวเขาเพชรบูรณ์และทิวเขาดงพญาเย็นอยู่ทางตะวันตก ทิวเขาสันกำแพงและทิวเขาพนมดงรักอยู่ทางด้านใต้ ทำให้ฝนที่เกิดจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีน้อย ส่วนมากเป็นฝนที่เกิดจากร่องความกดอากาศต่ำพายุดีเปรสชันจากอ่าวตังเกี๋ยและทะเลจีนใต้ที่เคลื่อนผ่านเข้ามาระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน ค่าปานกลางของปริมาณน้ำฝนจังหวัดสกลนครประมาณปีละ 1,578 มิลลิเมตร <span style="color: maroon;">สกลนครมีลักษณะอากาศหนาวอย่างชัดเจนกระแสลมที่เย็นและแห้ง</span> หย่อมความกดอากาศสูงที่แผ่ปกคลุมมาจากประเทศจีน ส่งผลกระทบต่อดินฟ้าอากาศในจังหวัดสกลนครมาก เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ และมีฉากรับลมเป็นทิวเขาภูพาน ประกอบกับเมื่อมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจากประเทศจีนที่พัดเข้ามา เมื่อพัดผ่านหนองหารน้ำจะเป็นตัวลดอุณหภูมิลง จึงทำให้สกลนครมีอากาศที่หนาวเย็นกว่าพื้นที่อื่น จังหวัดสกลนครเคยมีอุณหภูมิต่ำสุดจนถึง -1.4 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2517 ที่สถานีอากาศเกษตร อำเภอเมืองสกลนคร และวัดได้ -2.5 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2542 สถานีตรวจอากาศเกษตรสกลนคร ซึ่งเป็นสถิติอุณหภูมิพื้นราบที่ต่ำสุดของประเทศไทยในขณะนี้</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
อินทนิลน้ำ</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
อินทนิลน้ำ</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.sakonnakhon.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.sakonnakhon.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศูนย์ราชการจังหวัดสกลนคร ถนนศูนย์ราชการ ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร 47000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/sakhonnakhon-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">18 อำเภอ 125 ตำบล 1323 หมู่บ้าน</span><br />อำเภอเมืองสกลนคร, อำเภอกุสุมาลย์, อำเภอกุดบาก, อำเภอพรรณานิคม, อำเภอพังโคน, อำเภอวาริชภูมิ, อำเภอนิคมน้ำอูน, อำเภอวานรนิวาส, อำเภอคำตากล้า, อำเภอบ้านม่วง, อำเภออากาศอำนวย, อำเภอสว่างแดนดิน, อำเภอส่องดาว, อำเภอเต่างอย, อำเภอโคกศรีสุพรรณ, อำเภอเจริญศิลป์, อำเภอโพนนาแก้ว, อำเภอภูพาน</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-40426011246565324492013-04-30T23:09:00.003-07:002013-04-30T23:09:43.953-07:00จังหวัดเลย Loei<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ในปี พ.ศ. 2396 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพิจารณาเห็นว่า หมู่บ้านแฮ่ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งห้วยน้ำหมาน และอยู่ใกล้กับแม่น้ำเลย มีผู้คนเพิ่มมากขึ้น สมควรจะได้ตั้งเป็นเมือง เพื่อประโยชน์ในการปกครองอย่างใกล้ชิด จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งเป็นเมืองเรียกชื่อตามนามของแม่น้ำเลยว่า เมืองเลย ต่อมา พ.ศ. 2440 ได้มีประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะปกครองพื้นที่ ร.ศ.116 แบ่งการปกครองเมืองเลยออกเป็น 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกุดป่อง อำเภอท่าลี่ อำเภอนากอก (ปัจจุบันอยู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) อำเภอที่ตั้งเมืองคือ อำเภอกุดป่อง ต่อมา พ.ศ. 2442-2449 ได้เปลี่ยนชื่อเมืองเลยเป็น บริเวณลำน้ำเลย พ.ศ. 2449-2450 เปลี่ยนชื่อบริเวณลำน้ำเลยเป็นบริเวณลำน้ำเหือง และใน พ.ศ. 2450 ได้มีประกาศของกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2450 ยกเลิกบริเวณลำน้ำเหือง ให้คงเหลือไว้เฉพาะ "<strong><span style="color: maroon;">เมืองเลย</span></strong>" โดยให้เปลี่ยนชื่ออำเภอกุดป่อง เป็น "อำเภอเมืองเลย"</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดเลย งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบนของประเทศไทย มีพื้นที่ทั้งหมด 11,424.612 ตารางกิโลเมตร หรือ 7,140,382 ไร่ หรือประมาณร้อยละ 6.77 ของพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เทอร์มอมิเตอร์ยักษ์ที่หน้าอำเภอภูเรือ จังหวัดเลยตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงโคราช หรือที่เรียกกันว่า แอ่งสกลนคร ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทิวเขาในแนวทางทิศเหนือใต้ และจะมีพื้นที่ราบลุ่มระหว่างหุบเขาที่ไม่ใหญ่มากนัก สลับกันอยู่ในแนวเทือกเขา</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดเลยเป็นจังหวัดที่เรียกได้ว่าหนาวที่สุดของประเทศ เคยมีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ -1.3 องศาเซลเซียส (2 มกราคม พ.ศ. 2517) อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 43.5 องศาเซลเซียส (25 เมษายน พ.ศ. 2517) อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 26.1 องศาเซลเซียส และจะมีอุณหภูมิที่หนาวจัดในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคม โดยช่วง 12 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 2.7 องศาเซลเซียส (พ.ศ. 2542) อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 42.5 องศาเซียลเซียส (พ.ศ. 2541)</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
สนสามใบ</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
พุด (อินถะหวา)</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.loei.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.loei.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดเลย ถนนมลิวรรณ ตำบลกุดป่อง อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย 42000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/loei-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">14 อำเภอ 89 ตำบล 840 หมู่บ้าน</span><br />อำเภอเมืองเลย, อำเภอนาด้วง, อำเภอเชียงคาน, อำเภอปากชม, อำเภอด่านซ้าย, อำเภอนาแห้ว, อำเภอภูเรือ, อำเภอท่าลี่, อำเภอวังสะพุง, อำเภอภูกระดึง, อำเภอภูหลวง, อำเภอผาขาว, อำเภอเอราวัณ, อำเภอหนองหิน</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-54972158757184291722013-04-30T23:09:00.001-07:002013-04-30T23:09:15.111-07:00จังหวัดร้อยเอ็ด Roi-Et<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นจังหวัดในบริเวณลุ่มแม่น้ำชีในภาคอีสานของไทย ที่อดีตเคยเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยปรากฏชื่อในตำนานอุรังคธาตุว่า สาเกตนคร หรือ เมืองร้อยเอ็จประตู อันเนื่องมาจากเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรื่องโดยที่มีเมืองขึ้นจำนวนมาก การตั้งชื่อเมืองว่า "ร้อยเอ็จประตู" นั้น น่าจะเป็นการตั้งชื่อเชิงอุปมาอุปไมยให้เป็นศิริมงคลและแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของเมืองมากกว่าการที่เมืองจะมีประตูเมืองอยู่จริงถึงร้อยเอ็ดประตู ซึ่งการตั้งชื่อเพื่อแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองผ่านการมีประตูเมืองจำนวนมากนั้น น่าจะได้รับอิทธิพลหรือแบบอย่างมาจากเมืองหรืออาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองในสมัยโบราณอย่างทวารวดีซึ่งมีความหมายว่าเมืองที่มีประตูล้อมรอบเป็นกำแพง หรืออย่างเมืองหงสาวดีที่มีประตูเมืองรายล้อมกำแพงเมืองอยู่ยี่สิบประตู ซึ่งแต่ละประตูนั้นจะตั้งชื่อตามเมืองขึ้นของตน เช่น เชียงใหม่ อโยธยา จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น นอกจากนั้นการตั้งชื่อเมืองให้ดูยิ่งใหญ่เกินจริงเพื่อความเป็นศิริมงคลก็ถือเป็นธรรมดาของการตั้งชื่อเมืองหรืออาณาจักรในสมัยโบราณ</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 120-160 เมตร มีภูเขาทางตอนเหนือซึ่งติดต่อจากเทือกเขาภูพาน บริเวณตอนกลางของจังหวัด มีลักษณะเป็นที่ราบลูกคลื่น บริเวณตอนล่างมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำมูลและสาขา ได้แก่ ได้แก่ลำน้ำชี ลำน้ำพลับพลา ลำน้ำเตา เป็นต้น บริเวณที่ราบต่ำอันกว้างขวาง เรียกว่าทุ่งกุลาร้องไห้ มีพื้นที่ประมาณ 80,000 ไร่ มีลักษณะเป็นที่ราบแอ่งกระทะ</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดร้อยเอ็ดได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ สภาพภูมิอากาศอยู่ในประเภทฝนเมืองร้อน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,196.8 ลูกบาศก์มิลลิเมตร ฝนตกชุกในเดือนมิถุนายนถึงกันยายน อากาศร้อนแห้งแล้งในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
สิบเอ็ดประตูเมืองงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมสาเกต บุญผะเหวดประเพณี มหาเจดีย์ชัยมงคล งามน่ายลบึงพลาญชัย เขตกว้างไกลทุ่งกุลา โลกลือชาข้าวหอมมะลิ</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
กระบก</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
อินทนิลบก</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.roiet.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.roiet.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด ถนนเทวาภิบาล ตำบลในเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด 45000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/roiet-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">20 อำเภอ 193 ตำบล 2412 หมู่บ้าน</span> มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 รูปแบบ คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาล 17 แห่ง (เทศบาลเมือง 1 แห่ง และเทศบาลตำบล 16 แห่ง) และองค์การบริหารส่วนตำบล 186 แห่ง<br />อำเภอเมืองร้อยเอ็ด, อำเภอเกษตรวิสัย, อำเภอปทุมรัตต์, อำเภอจตุรพักตรพิมาน, อำเภอธวัชบุรี, อำเภอพนมไพร, อำเภอโพนทอง, อำเภอโพธิ์ชัย, อำเภอหนองพอก, อำเภอเสลภูมิ, อำเภอสุวรรณภูมิ, อำเภอเมืองสรวง, อำเภอโพนทราย, อำเภออาจสามารถ, อำเภอเมยวดี, อำเภอศรีสมเด็จ, อำเภอจังหาร, อำเภอเชียงขวัญ, อำเภอหนองฮี, อำเภอทุ่งเขาหลวง</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-35657955123946852302013-04-30T23:08:00.008-07:002013-04-30T23:08:55.638-07:00จังหวัดยโสธร Yasothon<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดยโสธร เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย จัดตั้งโดยคณะปฏิวัติขอ<span style="color: maroon;">งจอมพลถนอม กิตติขจร ตาม</span> ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 70 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2515 อันให้แยกอำเภอยโสธร อำเภอกุดชุม อำเภอเลิงนกทา อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอมหาชนะชัย และอำเภอป่าติ้ว ออกจากจังหวัดอุบลราชธานี แล้วรวมจังตั้งเป็นจังหวัดยโสธร และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2515 สืบไป ทั้งนี้ จังหวัดยโสธ เดิมเป็นหมู่บ้าน เรียกว่า บ้านสิงห์ท่า ต่อมาใน พ.ศ. 2357 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงยกฐานะเป็นเมืองยโสธร มีฐานะเป็นเมืองประเทศราช ขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ ถึง พ.ศ. 2443 รวมเข้าอยู่ในบริเวณอุบลราชธานีจนถึง พ.ศ. 2450 เมื่อยุบบริเวณอุบลราชธานี จัดตั้งเป็นจังหวัดอุบลราชธานี จึงเป็นอำเภอในจังหวัดอุบลราชธานี กระทั่งมีประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว ปัจจุบัน จังหวัดยโสธรอยู่สูงจากระดับทะเลปานกลาง 128 เมตร ตั้งศาลากลางจังหวัดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร ณ ละติจูด 15° 47´.6 เหนือ ลองจิจูด 104° 08´.7 ตะวันออก ประกอบด้วยอำเภอ 9 อำเภอ, ตำบล 78 ตำบล และหมู่บ้าน 835 หมู่บ้าน มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 4,162 ตารางกิโลเมตร อาณาเขตทิศเหนือติดต่อกับจังหวัดมุกดาหาร, ทิศตะวันออกติดต่อกับจังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี, ทิศใต้ติดต่อกับจังหวัดศรีสะเกษ ทิศตะวันตกติดต่อกับจังหวัดร้อยเอ็ดห่างจากจังหวัดนครราชสีมา340กิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบ มีภูเขาขนาดเล็กเป็นบางบริเวณในตอนเหนือของจังหวัด ด้านตะวันตกของจังหวัดมีลำน้ำยังไหลผ่านจากทิศเหนือไปทิศใต้ลงสู่แม่น้ำชี</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
สภาพพื้นที่หรือลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดยโสธร มีลักษณะลาดเอียงจากทิศตะวันตก ลงไปทางทิศตะวันออก พื้นที่ทางตอนเหนือส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง ภูเขา สลับกับพื้นที่แบบลูกคลื่น มีสภาพป่าและภูเขา มีแหล่งน้ำขนาดกลาง ได้แก่ ห้วยลิงโจน ห้วยสะแบก ลำโพง ลำเซบาย <span style="color: maroon;">(ลุ่มน้ำมูล)</span> ไหลผ่านทางตอนเหนือและตอนกลาง ส่วนพื้นที่ทางตอนกลางและตอนใต้เป็นที่ราบลุ่มต่ำสลับซับซ้อนกับสันดินริมน้ำ มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ได้แก่ แม่น้ำชี และขนาดกลาง ได้แก่ ลำน้ำยัง ลำทวน <span style="color: maroon;">(ลุ่มน้ำชี)</span> ไหลผ่านจังหวัด ลักษณะดินส่วนมากเป็นดินปนทรายและดินเค็ม มีหนอง บึง ลำห้วย และแหล่งน้ำขนาดเล็กอยู่ทั่วไป พื้นที่แหล่งน้ำอยู่ในลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดยโสธรมี 3 ฤดู คือ <span style="color: maroon;">ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว</span> ความชื้นสัมพัทธ์ เฉลี่ยเท่ากับ 71.1% อุณหภูมิสูงสุด 40.0 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14.0 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในรอบ 5 ปี (2547 – 2551) เฉลี่ย 1,352 ม.ม.ต่อปี</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
เมืองบั้งไฟโก้ แตงโมหวาน หมอนขวานผ้าขิด แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
กระบาก</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
บัวหลวง</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.yasothon.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.yasothon.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดยโสธร ถนนแจ้งสนิท ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร 35000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/yasothon-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">9 อำเภอ 78 ตำบล 835 หมู่บ้าน</span><br />อำเภอเมืองยโสธร, อำเภอทรายมูล, อำเภอกุดชุม, อำเภอคำเขื่อนแก้ว, อำเภอป่าติ้ว, อำเภอมหาชนะชัย, อำเภอค้อวัง, อำเภอเลิงนกทา, อำเภอไทยเจริญ</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-73008407426297405902013-04-30T23:08:00.005-07:002013-04-30T23:08:34.222-07:00จังหวัดมุกดาหาร Mukdahan<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
เจ้าจันทรสุริยวงษ์และพรรคพวกได้ตั้งอยู่ที่บ้านหลวงโพนสิม ใกล้พระธาตุอิงฮังทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง <span style="color: maroon;">(ดินแดนลาว)</span> ต่อมาอีกหลายสิบปี จนได้ถึงแก่กรรม เจ้าจันทกินรี ผู้เป็นบุตร ได้เป็นหัวหน้าปกครองต่อมา จนถึง พ.ศ. 2310 ได้มีนายพรานคนหนึ่งข้ามโขงมาทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงตรงปากห้วยบังมุก ได้พบเมืองร้าง วัดร้างและพบต้นตาล 7 ยอดอยู่ริมฝั่งโขง เห็นว่าเป็นทำเลที่อุดมสมบูรณ์กว่าดินแดนทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง อีกทั้งในแม่น้ำโขงตรงปากห้วยบังมุกมีปลาชุมชุมอีกด้วย จึงกลับไปรายงานให้เจ้าจันทกินรีหัวหน้าทราบ เจ้าจันทกินรีได้พาพรรคพวกข้ามโขงมาดูก็เห็นว่าคงเป็นที่ตั้งเมืองโบราณมาก่อน และเป็นทำเลที่อุดมสมบูรณ์กว่าทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง จึงได้พากันอพยพจากบ้านหลวงโพนสิมมาตั้งบ้านเรือนอยู่ทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงตรงปากห้วยบังมุก<br />ครั้นถึงสมัยกรุงธนบุรีเมื่อพระเจ้าตากสินมหาราช ได้แผ่แสนยานุภาพขึ้นมาถึงแถบลุ่มแม่น้ำโขง จนถึง พ.ศ. 2321 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึกฯ และเจ้าพระายาจักรียกกองทัพขึ้นมาตามลำน้ำโขง เพื่อปราบปรามและรวบรวมหัวเมืองใหญ่น้อยในสองฝั่งแม่น้ำโขงให้รวมอยู่ในข้าขอบขัณฑสีมาของกรุงธนบุรี และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ เจ้าจันทกินรี เป็น พระยาจันทรศรีสุราชอุปราชามันธาตุราช เจ้าเมืองมุกดาหารคนแรกและได้พระราชทานนามเมืองว่า เมืองมุกดาหาร</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดมุกดาหาร ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นแบ่งกั้นพรมแดน ตั้งอยู่เส้นรุ้งที่ 16-17 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 104-105 องศาตะวันออก มีพื้นที่ทั้งหมด 4,339.83 ตร.กม. หรือ 2,712,394 ไร่ อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร <span style="color: maroon;">ระยะทาง 642 กิโลเมตร</span><br />ทิศเหนือและทิศใต้ของ จังหวัดมุกดาหาร เป็นที่ราบสูง ทางทิศตะวันตกมีเทือกเขาภูพาน มีลักษณะเป็นป่าไม้บางแห่งเป็นป่าทึบ ส่วนทิศตะวันออกเป็นที่ราบสลับป่าไม้ และมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างไทยกับ สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว มีความยาวประมาณ ประมาณ 72 กม. มีพื้นที่ราบร้อยละ 20 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติ มีความอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ป่าไม้ประมาณ 831,988 ไร่(1,456.69 ตร.กม.) คิดเป็นร้อยละ 30.67 ของจังหวัด</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
สภาพภูมิอากาศ จังหวัดมุกดาหาร แบ่งออกได้ 3 ฤดู ดังนี้<br /><span style="color: maroon;"><strong>ฤดูร้อน </strong></span>อากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน มีความแปรปรวนของกระแสอากาศเย็น เนื่องจากมวลอากาศเย็น จากประเทศจีนแผ่ลงมา ทำให้เกิดพายุฤดูร้อนเป็นครั้งคราวในช่วงเดือนมีนาคมถึง เมษายน<br /><span style="color: maroon;"><strong>ฤดูฝน</strong></span> เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม- กลางเดือนตุลาคม มักมีฝนทิ้งช่วงเกิดขึ้นในปลายเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ได้รับอิทธิพลจากพายุหมุนเขตร้อนจากทะเลจีนใต้<br /><span style="color: maroon;"><strong>ฤดูหนาว</strong></span> เริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม กลางเดือนกุมภาพันธ์ ฤดูนี้จะมีอากาศแห้งและมีฟ้าหลัวเนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุม ทำให้อากาศเย็นและหนาวถึงหนาวจัด</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<br /></div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
หอแก้วสูงเสียดฟ้า ภูผาเทิบแก่งกะเบา แปดเผ่าชนพื้นเมือง ลือเลื่องมะขามหวาน กลองโบราณล้ำเลิศ ถิ่นกำเนิด ลำผญา ตระการตาชายโขง เชื่อมโยงอินโดจีน</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
ช้างน้าว</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
ช้างน้าว</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.mukdahan.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.mukdahan.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ถนนวิวิธสุรการ ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร 49000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/mukdahan-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">7 อำเภอ 53 ตำบล 493 หมู่บ้าน</span><br />อำเภอเมืองมุกดาหาร, อำเภอนิคมคำสร้อย, อำเภอดอนตาล, อำเภอดงหลวง, อำเภอคำชะอี, อำเภอหว้านใหญ่, อำเภอหนองสูง</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-29289853068434965282013-04-30T23:08:00.002-07:002013-04-30T23:08:11.285-07:00จังหวัดมหาสารคาม Maha-Sarakham<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
เมืองมหาสารคามถือว่าเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญและยาวนานมาหลายร้อยปี เพราะได้พบหลักฐานทางโบราณคดีที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาตั้งแต่สมัยคุปตะตอนปลายและปัลลวะของอินเดียผ่านเมืองพุกามมาในรูปแบบของศิลปะสมัยทวารวดี เช่น บริเวณเมืองกันทรวิชัย (โคกพระ) และเมืองนครจำปาศรี โดยพบหลักฐาน เป็นพระยืนกันทรวิชัย พระพิมพ์ดินเผา ตลอดทั้งพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากนั้นแล้วยังได้รับอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ผ่านทางชนชาติขอม ในรูปแบบสมัยลพบุรี เช่น กู่สันตรัตน์ กู่บ้านเขวา กู่บ้านแดง และกู่อื่น ๆ รวมไปจนถึงเทวรูปและเครื่องปั้นดินเผาของขอมอยู่ตามผิวดินทั่ว ๆ ไปในจังหวัดมหาสารคาม มหาสารคามตั้งอยู่ตอนกลางของภาคอีสาน มีชนหลายเผ่า เช่น ชาวไทยพื้นเมืองพูดภาษาอีสาน ชาวไทยย้อและชาวผู้ไท ประชาชนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี "ฮีตสิบสอง" ประกอบอาชีพด้านกสิกรรมเป็นส่วนใหญ่ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมีการไปมาหาสู่กัน ช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันตามแบบของคนอีสานทั่วไป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ยก "บ้านลาดกุดยางใหญ่" ขึ้นเป็น เมืองมหาสารคาม เมื่อวันที่ <span style="color: maroon;">22 สิงหาคม พ.ศ. 2408 </span>โดยแยกพื้นที่และพลเมืองราวสองพันคนมาจากเมืองร้อยเอ็ด และโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวมหาชัย (กวด ภวภูตานนท์) เป็นพระเจริญราชเดช เจ้าเมือง มีท้าวบัวทองเป็นผู้ช่วยขึ้นกับเมืองร้อยเอ็ด</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ของจังหวัดมหาสารคาม เป็นพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบ ถึงลูกคลื่นลอนลาด พื้นที่โดยทั่วไปมีความสูงจาก ระดับน้ำทะเล ประมาณ 130 – 230 เมตร ด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือเป็นที่สูงในเขตอำเภอโกสุมพิสัย อำเภอเชียงยืน และอำเภอกันทรวิชัย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของพื้นที่จังหวัด และค่อยๆ ลาดเทลงมาทางทิศตะวันออก และทิศใต้ มีลำน้ำชีไหลผ่าน พื้นที่ค่อนข้างลาดเทจากแนวทิศเหนือไปทางทิศตะวันออก พื้นที่เป็นลูกคลื่นประกอบด้วยเนินมออยู่ทั่วไปแต่ไม่มีภูเขา มีทุ่งนาสลับป่าโปร่ง ซึ่งมีไม้ในเขตร้อน หรือที่เรียกว่า ป่าโคก ขึ้นประปราย เช่น ไม้พวง เหียง กระบก เต็งรัง ตุมกา ฯลฯ สภาพภูมิประเทศสามารถแบ่งได้ 3 บริเวณ คือ<br /><strong>ที่ราบริมฝั่งแม่น้ำ</strong> ส่วนใหญ่เป็นที่ราบริมฝั่งแม่น้ำไหลผ่านจังหวัดมหาสารคาม เช่น บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำชี ที่อำเภอโกสุมพิสัย อำเภอกันทรวิชัย และอำเภอเมือง<br /><strong>พื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้น</strong> อยู่ทางทิศตะวันออกของอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย<br /><strong>พื้นที่สูง</strong> อยู่ทางทิศเหนือและทิศตะวันออกของจังหวัดในอำเภอโกสุมพิสัย อำเภอเชียงยืน แลพอำเภอกันทรวิชัย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณร้อยละ 50 ของพื้นที่จังหวัด</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดมหาสารคามมีสภาพภูมิอากาศแบบมรสุมเมืองร้อน ( Tropical Monsoon Climate ) ในช้วงฤดูร้อนจะมีอากาศร้อนอบอ้าว ในช่วงมรสุมฤดูร้อนจะได้รับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดมาจากมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งทำให้เกิดฝนตก สำหรับปริมาณน้ำฝนที่พื้นบริเวณจังหวัดได้รับนั้น ส่วนมากจะเกิดจากผลกระทบของพายุหมุนเขตร้อน ที่เคลื่อนผ่านประเทศเวียดนามและเข้าสูประเทศไทย<br />อุณหภูมิเฉลี่ยฤดูร้อนในรอบ 5 ปี (2542 – 2546) ประมาณ 41.14 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิสูงที่สุดวัดได้ 42.0 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2544 และในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิจะลดลงต่ำลงมาก โดยในรอบ 5 ปี (2542-2546) มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 10.02 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดวัดได้ 5 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2542<br /><strong>ฤดูร้อน</strong> เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิร้อนอบอ้าว ฤดูร้อนอุณหภูมิร้อนเฉลี่ย 39.1 องศาเซลเซียส<br /><strong>ฤดูฝน</strong> เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมไปถึงเดือนตุลาคม เนื่องจากเป็นระยะที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เข้าสู่ประเทศไทย ปริมาณฝนที่ตกในระยะ 6 เดือน อยู่ใยนเกณฑ์ตั้งแต่ 1 , 000 มิลลิเมตร/ปี<br /><strong>ฤดูหนาว</strong> เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุด 12.8 องศาเซลเซียส ทำให้อากาศหนาวเย็นตั้งแต่เดือนตะลาคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักสิลานคร</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
พฤกษ์ (มะรุมป่า)</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
ลั่นทมขาว (จำปาขาว)</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.mahasarakham.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.mahasarakham.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม ถนนเลี่ยงเมืองมหาสารคาม-ร้อยเอ็ด ตำบลแวงน่าง อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม 44000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/mahasarakham-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น 13 อำเภอ 133 ตำบล 1804 หมู่บ้าน ได้แก่<br />อำเภอเมืองมหาสารคาม, อำเภอแกดำ, อำเภอโกสุมพิสัย, อำเภอกันทรวิชัย, อำเภอเชียงยืน, อำเภอบรบือ, อำเภอนาเชือก, อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย, อำเภอวาปีปทุม, อำเภอนาดูน, อำเภอยางสีสุราช, อำเภอกุดรัง, อำเภอชื่นชม</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-70861600433263323192013-04-30T23:07:00.004-07:002013-04-30T23:07:48.178-07:00จังหวัดบุรีรัมย์ Buri-Ram<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กรุงธนบุรี กรมการเมืองนครราชสีมา มีใบยอกเข้ามาว่า พระยานางรองคบคิดเป็น กบฏร่วมกับเจ้าโอ เจ้าอิน และอุปฮาดเมืองจำปาศักดิ์ จึงโปรดให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อยังดำรงคำแหน่ง เจ้าพระยาจักรีเป็นแม่ทัพไปปราบจับตัวพระยานางรองประหารชีวิตและสมทบเจ้าพระยาสุรสีห์ (สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท) คุมกองทัพหัวเมืองฝ่ายเหนือยกไปตีเมือง จำปาศักดิ์ เมืองโขง และเมืองอัตปือ ได้ทั้ง 3 เมือง ประหารชีวิต เจ้าโอ เจ้าอิน อุปฮาด เมืองจำปาศักดิ์ แล้วเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆใกล้เคียงให้สวามิภักดิ์ ได้แก่ เขมรป่าดง ตะลุบ สุรินทร์ สังขะ และเมืองขุขันธ์ รวบรวมผู้คนตั้งเมืองขึ้นในเขตขอมร้า เรียกว่า เมืองแปะ แต่งตั้งบุรีรัมย์บุตรเจ้าเมืองผไทสมัน (พุทไธสง) ให้เป็นเจ้าเมือง ซึ่งต่อมาได้เป็นพระยานครภักดี ประมาณปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือต้นราชการพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เปลี่ยนชื่อเมืองแปะเป็นบุรีรัมย์ด้วยปรากฏว่า ได้มีการแต่งตั้งพระสำแดงฤทธิรงค์เป็นพระนครภักดีศรีนครา ผู้สำเร็จราชการเมืองบุรีรัมย์ ขึ้นเมืองนครราชสีมาใน พ.ศ. 2411 เมืองบุรีรัมย์และเมืองนางรองผลัดกันมีความสำคัญเรื่อยมา พ.ศ. 2433 เมืองบุรีรัมย์โอนขึ้นไปขึ้นกับหัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ มีหนองคายเป็นศูนย์กลาง และเมืองบุรีรัมย์มีเมืองในสังกัด 1 แห่ง คือเมืองนางรอง ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2440-2441 เมืองบุรีรัมย์ได้กลับไปขึ้นกับมณฑลนครราชสีมาเรียกว่า"บริเวณนางรอง" ประกอบด้วย เมืองบุรีรัมย์ นางรอง รัตนบุรี ประโคนชัย และพุทไธสง พ.ศ. 2442 มีประกาศเปลี่ยนชื่อ มณฑลลาวเฉียงเป็น มณฑลฝ่ายตะวันตกเฉียงเหนือ มณฑลลาวพวนเป็นมณฑลฝ่ายเหนือ มณฑลลาวเป็นมณฑลตะวันออกเฉียงเหนือ มณฑลเขมร เป็นมณฑลตะวันออกและในคราวนี้เปลี่ยนชื่อ บริเวณนางรองเป็น "เมืองนางรอง"มีฐานะเป็นเมืองจัตวา ตั้งที่ว่าการอยู่ที่เมืองบุรีรัมย์ แต่ตราตำแหน่งเป็นตราผู้ว่าการนางรอง กระทรวงมหาดไทยจึงได้ประกาศเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "บุรีรัมย์" และเปลี่ยนตราตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองบุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2444 เป็นต้นมา</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง พื้นที่ลาดจากทิศใต้ลงไปทิศเหนือ พื้นที่มีลักษณะเป็นลูกคลื่นน้อยเป็นที่ราบขั้นบันไดช่องเขาเกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อประมาณเก้าแสนถึงหนึ่งล้านปีเศษ ทำให้จังหวัดบุรีรัมย์มีลักษณะภูมิประเทศที่สำคัญคือ<br />- พื้นที่สูงและภูเขาทางตอนใต้<br />- พื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้นตอนกลางของจังหวัด<br />- พื้นที่ราบลุ่มตอนเหนือริมฝั่งแม่น้ำมูล<br /><span style="color: maroon;"><strong>ทุ่งกุลาร้องไห้</strong></span> เป็นที่ราบขนาดใหญ่มีพื้นที่ประมาณ 2 ล้านไร่ อยู่ในเขตจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดร้อยเอ็ด การที่ได้ชื่อว่าทุ่งกุลาร้องไห้ มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า ชนเผ่ากุลาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยจากเมืองเมาะตะมะ ประเทศพม่า ได้เดินทางมาค้าขายผ่านทุ่งแห่งนี้ ต้องใช้เวลาเดินทางหลายวัน ไม่พบหมู่บ้านใด ๆ เลย น้ำก็ไม่มีดื่ม ต้นไม้ก็ไม่มีที่จะให้ร่มเงา มีแต่ทุ่งหญ้าเต็มไปหมด พื้นดินเป็นทราย เดินทางยากลำบากเหมือนอยู่กลางทะเลทราย ทำให้คนพวกนี้ถึงกับร้องไห้<br />ในอดีตทุ่งกุลาร้องไห้ในฤดูแล้ง พื้นที่ส่วนใหญ่จะแห้งแล้งมาก ส่วนในฤดูฝนน้ำจะท่วมทุกปี ใต้พื้นดินลงไปเป็นน้ำเค็ม ไม่สามารถทำการเกษตรได้ หลังจากที่ได้มีการพัฒนาที่ดินแล้ว ทุ่งกุลาร้องไห้ได้กลายเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญของประเทศ และกลายเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่มีชื่อเสียงของไทย</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ภูมิอากาศในจังหวัดบุรีรัมย์ มีอยู่ 3 ฤดู คือ<br /><strong>ฤดูร้อน</strong> ปลายเดือน ก.พ. - พ.ค. มีอุณหภูมิสูงสุด 36 ซ. ในเดือน เม.ย.<br /><strong>ฤดูฝน</strong> เดือน มิ.ย. - ก.ย. เนื่องจากมีเทือกเขาพนมดงรักขวางกั้นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จึงได้รับปริมาณน้ำฝนไม่มากนัก<br /><strong>ฤดูหนาว</strong> เริ่มประมาณเดือน ต.ค. - ม.ค. มีอากาศหนาว และแห้งแล้ง อุณหภูมิต่ำสุด 11 ซ.</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
กาฬพฤกษ์</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
ฝ้ายคำ</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.buriram.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.buriram.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ ถนนจิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ 31000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/buriram-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a><br /><br /><h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; font-style: normal; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="color: #333333; font-style: normal; padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">23 อำเภอ 189 ตำบล 2212 หมู่บ้าน ได้แก่</span><br />อำเภอเมืองบุรีรัมย์, อำเภอคูเมือง, อำเภอกระสัง, อำเภอนางรอง, อำเภอหนองกี่, อำเภอละหานทราย, อำเภอประโคนชัย, อำเภอบ้านกรวด, อำเภอพุทไธสง, อำเภอลำปลายมาศ, อำเภอสตึก, อำเภอปะคำ, อำเภอนาโพธิ์, อำเภอหนองหงส์, อำเภอพลับพลาชัย, อำเภอห้วยราช, อำเภอโนนสุวรรณ, อำเภอชำนิ, อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์, อำเภอโนนดินแดง, อำเภอบ้านด่าน, อำเภอแคนดง, อำเภอเฉลิมพระเกียรติ</div>
</td></tr>
</tbody></table>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-14886043074697492262013-04-30T23:07:00.001-07:002013-04-30T23:07:18.444-07:00จังหวัดบึงกาฬ Bueng-Kan<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดบึงกาฬ เป็นจังหวัดในประเทศไทย จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. 2554 อันมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2554 เป็นต้นไป โดยแยกอำเภอบึงกาฬ อำเภอเซกา อำเภอโซ่พิสัย อำเภอบุ่งคล้า อำเภอบึงโขงหลง อำเภอปากคาด อำเภอพรเจริญ และอำเภอศรีวิไล ออกจากการปกครองของจังหวัดหนองคาย ใน พ.ศ. 2537 สุเมธ พรมพันห่าว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเสรีธรรม จังหวัดหนองคาย เสนอให้จัดตั้งจังหวัดบึงกาฬขึ้น โดยกำหนดจะแยกพื้นที่อำเภอบึงกาฬ อำเภอปากคาด อำเภอโซ่พิสัย อำเภอพรเจริญ อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล และอำเภอบุ่งคล้า ออกจากจังหวัดหนองคาย รวมเป็นท้องที่ทั้งหมด 4,305 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 390,000 คน อย่างไรก็ดี กระทรวงมหาดไทย แจ้งผลการพิจารณาว่า ยังไม่มีแผนที่จะยกฐานะอำเภอบึงกาฬขึ้นเป็นจังหวัด เพราะการจัดตั้งจังหวัดใหม่เป็นการเพิ่มภาระด้านงบประมาณ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มกำลังคนภาครัฐ ซึ่งจะขัดกับมติคณะรัฐมนตรี เนื่องจากจังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดที่มีท้องที่ติดชายแดน และมีลักษณะภูมิประเทศเป็นแนวยาว ทำให้การติดต่อระหว่างอำเภอที่ห่างไกลและจังหวัดเป็นไปด้วยความยากลำบาก และใช้ระยะเวลาในการเดินทางมากเกินควร ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบการปกครอง การรักษาความมั่นคง และการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในท้องที่ สมควรแยกอำเภอบึงกาฬ อำเภอเซกา อำเภอโซ่พิสัย อำเภอบุ่งคล้า อำเภอบึงโขงหลง อำเภอปากคาด อำเภอพรเจริญ และอำเภอศรีวิไล จังหวัดหนองคาย ออกจากการปกครองของจังหวัดหนองคาย รวมตั้งขึ้นเป็นจังหวัดบึงกาฬ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติ</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
บึงกาฬเป็นจังหวัดที่มีเขตพื้นที่ติดต่อกับแม่น้ำโขง และแขวงบอลิคำไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นแนวพรมแดน<br /><strong>ทิศเหนือ</strong> ติดต่อกับแขวงบอลิคำไซ, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นแนวพรมแดน<br /><strong>ทิศตะวันออก</strong> ติดต่อกับแขวงบอลิคำไซ, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและจังหวัดนครพนม<br /><strong>ทิศใต้</strong> ติดต่อกับจังหวัดสกลนคร<br /><strong>ทิศตะวันตก</strong> ติดต่อกับนครหลวงเวียงจันทน์, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและจังหวัดหนองคาย</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
เป็นจังหวัดที่มีอากาศหนาวที่สุดในช่วงฤดูหนาวของภาคอีสาน เพราะเป็นด้านปะทะของลมหนาวแรกของประเทศของภาคเหนือ และมีฝนตกชุกพอ ๆ กับนครพนมเพราะได้รับอิทธิพลจากทางเวียดนาม</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
ภูทอกแหล่งพระธรรม ค่าล้ำยางพารา งามตาแก่งอาฮง บึงโขงหลงเพลินใจ น้ำตกใสเจ็ดสี ประเพณีแข่งเรือ เหนือสุดแดนอีสาน นมัสการหลวงพ่อใหญ่ ศูนย์รวมใจศาลสองนาง</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
สิรินธรวัลลี (สามสิบสองประดง)</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
สิรินธรวัลลี (สามสิบสองประดง)</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.bungkan.com/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.bungkan.com</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ ถนนชยางกูร ตำบลบึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ 38000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/bueng-kan-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น 8 อำเภอ 53 ตำบล 599 หมู่บ้าน<br />อำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอพรเจริญ อำเภอโซ่พิสัย อำเภอเซกา อำเภอปากคาด อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล อำเภอบุ่งคล้า</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-31997710265058974562013-04-29T23:51:00.002-07:002013-04-29T23:51:21.263-07:00จังหวัดนครราชสีมา Nakhon-Ratchasima<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ประวัติจังหวัดนครราชสีมาเมืองนครราชสีมา เป็นเมืองโบราณเมืองหนึ่งในอาณาจักรไทย แต่เดิมตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ในท้องที่อำเภอสูงเนิน ห่างจากตัวเมืองปัจจุบันประมาณ 31 กิโลเมตร คือ เมือง"โคราช" หรือ <span style="color: maroon;">"โคราฆะ" กับเมือง "เสมา"</span> ทั้งสองเมืองดังกล่าว เคยเจริญ รุ่งเรืองมาก ในสมัยขอมแต่ปัจจุบันเป็นเมืองร้าง ตั้งอยู่ริมฝั่งลำตะคอง สมัยกรุงศรีอยุธยา ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199-2231) โปรดให้สร้างเมืองสำคัญที่อยู่ชายแดน ให้มี ป้อม ปราการ จึงให้ย้ายเมืองที่ ตำบลโคราช อำเภอสูงเนิน มาสร้างเมืองที่มีป้อมปราการและคูน้ำล้อมรอบขึ้นใหม่ ในที่ซึ่งอยู่ ในปัจจุบัน แล้วเอานามเมืองใหม่ทั้งสอง คือเมืองเสมา กับเมืองโคราฆะ มาผูกเป็นนามเมืองใหม่ เรียกว่าเมืองนครราชสีมา แต่คนทั่วไป เรียกว่า เมืองโคราช เมืองนี้กำแพงก่อด้วยอิฐ มีใบเสมาเรียงรายตลอด มีป้อมกำแพงเมือง 15 ป้อม 4 ประตู สร้างด้วยศิลาแลง มีชื่อดังต่อไปนี้ ทางทิศเหนือ ชื่อประตูพลแสน นัยหนึ่งเรียกประตูน้ำ, ทางทิศใต้ ชื่อประตูชัยณรงค์ นัยหนึ่งเรียกประตูผี, ทางทิศตะวันออก ชื่อประตูพลล้าน นัยหนึ่งเรียกประตูตะวันออก, ทางทิศตะวันตก ชื่อประตูชุมพล</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่บนที่ราบสูงโคราช<span style="color: maroon;"> ห่างจากกรุงเทพ 259 กิโลเมตร</span> มีพื้นที่ทั้งหมด 20,493.964 ตารางกิโลเมตร (12,808,728 ไร่) เป็นพื้นที่ป่าไม้ 2,297,735 ไร่ โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติคืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติทับลานร้อยละ 61.4 และเป็นแหล่งน้ำ 280,313 ไร่ ทิศเหนือติดต่อกับจังหวัดชัยภูมิ และขอนแก่น ทิศใต้ติดต่อกับจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก และสระแก้ว ทิศตะวันออกติดต่อกับจังหวัดบุรีรัมย์ และทิศตะวันตกติดต่อกับจังหวัดสระบุรี ชัยภูมิ และลพบุรี<br />พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 150-300 เมตร มีเทือกเขาสันกำแพง และเทือกเขาพนมดงรัก เป็นแนวยาวทางด้านทิศใต้และทิศตะวันตก ส่วนบริเวณตอนล่างค่อนไปทางเหนือและตะวันออกเป็นที่ราบลุ่ม โดยมี<span style="color: maroon;">ลำตะคอง</span>และลำน้ำสาขาอื่น ๆ ไหลหล่อเลี้ยงบริเวณด้านเหนือของเมือง และ เป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำสำคัญคือแม่น้ำมูลซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
สภาพภูมิอากาศของจังหวัดนครราชสีมาจัดอยู่ในประเภททุ่งหญ้าเขตร้อน มีลมมรสุมหลักพัดผ่านคือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้อากาศหนาวเย็นและแห้งแล้ง กับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีอากาศชุ่มชื้นและมีฝนตกชุก โดยทั่วไปสามารถแบ่งฤดูกาลออกได้เป็น 3 ฤดู คือ ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม มีฝนตกชุก ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนตุลาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนสูงสุดในเดือนตุลาคม ฤดูหนาว สภาพอากาศจะเริ่มเปลี่ยนจากฤดูฝนไปสู่ฤดูหนาวตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ระยะนี้ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นลมหนาวและแห้งพัดจากประเทศจีน และฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงกลางเดือนพฤษภาคม<br />เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมาเป็นพื้นที่ราบสูง มีป่าและทิวเขาสูงกั้นเขตแดนเป็นแนวยาว อากาศจึงค่อนข้างร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน และในฤดูหนาวก็ค่อนข้างหนาวเย็นโดยอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณ 27.4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 22.7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 33 อาศาเซลเซียส มีค่าความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตลอดทั้งปี 71 % ความชื้นสัมพัทธ์สูงสุดเฉลี่ย 89% ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำสุดเฉลี่ย 49 %</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<br /></div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
สาธร</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
สาธร</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.nakhonratchasima.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.nakhonratchasima.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ถนนมหาดไทย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา รหัสไปรษณีย์ 30000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/nakhonratchasima-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
แบ่งปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">32 อำเภอ 289 ตำบล 3743 หมู่บ้าน</span> ได้แก่<br />อำเภอเมืองนครราชสีมา, อำเภอครบุรี, อำเภอเสิงสาง, อำเภอคง, อำเภอบ้านเหลื่อม, อำเภอจักราช, อำเภอโชคชัย, อำเภอด่านขุนทด, อำเภอโนนไทย, อำเภอโนนสูง, อำเภอขามสะแกแสง, อำเภอบัวใหญ่, อำเภอประทาย, อำเภอปักธงชัย, อำเภอพิมาย, อำเภอห้วยแถลง, อำเภอชุมพวง, อำเภอสูงเนิน, อำเภอขามทะเลสอ, อำเภอสีคิ้ว, อำเภอปากช่อง, อำเภอหนองบุญมาก, อำเภอแก้งสนามนาง, อำเภอโนนแดง, อำเภอวังน้ำเขียว, อำเภอเทพารักษ์, อำเภอเมืองยาง, อำเภอพระทองคำ, อำเภอลำทะเมนชัย, อำเภอบัวลาย, อำเภอสีดา, อำเภอเฉลิมพระเกียรติ</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-8285101379551675602013-04-29T23:50:00.002-07:002013-04-29T23:50:52.559-07:00จังหวัดนครพนม Nakhon-Phanom<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
นครพนมเป็นจังหวัดชายแดนตั้งเลียบชายฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับเมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของ<span style="color: maroon;">สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว</span> เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ เป็นพระธาตุที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุ (กระดูกหน้าอก) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (สมณโคดม) นับเป็นพระธาตุคู่เมืองนครพนมและเป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยและชาวลาวทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง พระธาตุพนมประดิษฐานอยู่ที่อำเภอธาตุพนม อยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนม 52 กิโลเมตร จังหวัดนครพนมมีพื้นที่ประมาณ 5,512.668 ตารางกิโลเมตร ระยะทางห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 740 กิโลเมตร นครพนมเป็นจังหวัดที่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์มาแต่โบราณกาล ในฐานะเมืองเก่าเคียงคู่อยู่กับอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ซึ่งแต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น มีพื้นที่อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง และต่อมาก็ได้ย้ายมาอยู่ฝั่งขวาสลับกันหลายครั้ง ตำนานแห่งประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชตีเมืองเวียงจันทน์ได้ ชื่อของดินแดนนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็น "มรุกขนคร" และต่อมาได้โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็น "นครพนม" เพื่อความเหมาะสมตามสภาพพื้นที่ด้วย เป็นเมืองที่มีพื้นที่ติดต่อกับทิวเขามากมาย ด้วยความเป็นอาณาจักรที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาเก่าก่อน ประกอบกับแม่น้ำโขงเป็นแหล่งวัฒนธรรมของมนุษย์ชาติจากหลายชนเผ่า ดังนั้น นครพนมจึงมีโบราณสถาน และมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์อยู่มาก</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ลักษณะภูมิประเทศ แบ่งเป็น 2 ตอน คือ<br /><strong>• ตอนเหนือ </strong>สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินสูงและที่ดอน มีป่าไม้สลับกับพื้นที่ราบ ทางตอนกลางและตะวันตกของพื้นที่จะเป็นที่ราบลุ่มมีลักษณะเป็นทุ่งกว้างซึ่งปีใดมีฝนตกชุกจะมีสภาพน้ำท่วมขัง<br /><strong>• ตอนใต้</strong> พื้นที่บริเวณใกล้แม่น้ำโขงเป็นที่ราบลุ่มมีน้ำท่วมถึงส่วนทางทิศตะวันตกซึ่งอยู่ห่างออกไปพื้นที่มีลักษณะเป็นลูกคลื่น และที่ดอนสภาพป่าเป็นไม้เต็งรัง พื้นดินส่วนมากเป็นหินลูกรัง บางส่วนมีลักษณะเป็นเนินและที่ต่ำสลับกัน</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
โดยทั่วไป จังหวัดนครพนมเป็นจังหวัดที่มีฝนตกชุกในฤดูฝน ทั้งนี้เพราะได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อนในทะเลจีนใต้ รวมทั้งอิทธิพลจากป่าไม้และเทือกเขาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฝนตกชุกตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ซึ่งในปี 2549 มีฝนตกประมาณ 139 วัน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยประมาณ 2,189.5 มิลลิเมตรต่อปี อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 37.5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุด 10.5 องศาเซลเซียส</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<br /></div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
พระธาตุพนมค่าล้ำ วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูผู้ไท เรือไฟโสภา งามตาฝั่งโขง</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
กันเกรา</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
กันเกรา</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.nakhonphanom.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.nakhonphanom.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดนครพนม ถนนอภิบาลบัญชา ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม 48000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/nakhonphanom-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">12 อำเภอ 97 ตำบล 1,123 หมู่บ้าน</span><br />อำเภอท่าอุเทน อำเภอธาตุพนม อำเภอนาทม อำเภอนาหว้า อำเภอนาแก อำเภอบ้านแพง อำเภอปลาปาก อำเภอโพนสวรรค์ อำเภอเมืองนครพนม อำเภอเรณูนคร อำเภอวังยาง อำเภอศรีสงคราม</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-26101247180486534172013-04-29T23:49:00.005-07:002013-04-29T23:49:56.359-07:00จังหวัดชัยภูมิ Chaiyaphum<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองชัยภูมิปรากฏในทำเนียบแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชว่าเป็นเมืองขึ้นกับเมืองนครราชสีมา แต่ต่อมาผู้คนได้อพยพออกไปตั้งหลักแหล่งทำมาหากินที่อื่น และเมื่อปี พ.ศ. 2360 "นายแล" ข้าราชการสำนักเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทน์ได้อพยพครอบครัวและบริวารเดินทางข้ามลำน้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านหนองน้ำขุ่น (หนองอีจาน) ซึ่งอยู่ในบริเวณท้องที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาในปัจจุบัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2362 เมื่อมีคนอพยพเข้ามาอยู่มาก นายแลก็ได้ย้ายชุมชนมาตั้งใหม่ที่บ้านโนนน้ำอ้อม บ้านชีลอง ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิ 6 กิโลเมตร นายแลได้เก็บส่วยผ้าขาวส่งไปบรรณาการเจ้าอนุวงศ์จนได้รับบำเหน็จความชอบแต่งตั้งเป็น "ขุนภักดีชุมพล" ในปี พ.ศ. 2365 นายแลได้ย้ายชุมชนอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากที่เดิมกันดารน้ำ มาตั้งใหม่ที่บริเวณบ้านหลวงซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหนองปลาเฒ่ากับหนองหลอด (เขตอำเภอเมืองชัยภูมิปัจจุบัน) และได้หันมาขึ้นตรงต่อเมืองนครราชสีมา และส่งส่วยทองคำถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ยอมขึ้นต่อเจ้าอนุวงศ์อีกต่อไป พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้ายกบ้านหลวงขึ้นเป็น เมืองชัยภูมิ และแต่งตั้งขุนภักดีชุมพล (แล) เป็น "พระยาภักดีชุมพล" เจ้าเมืองคนแรก ต่อมาเจ้าอนุวงศ์ได้ก่อการกบฏ ยกทัพเข้ามาหมายจะตีกรุงเทพมหานคร โดยหลอกหัวเมืองต่าง ๆ ที่เดินทัพมาว่าจะมาช่วยกรุงเทพมหานครรบกับอังกฤษ จนกระทั่งเจ้าอนุวงศ์สามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้เมื่อปี พ.ศ. 2369 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นต่อมาเมื่อความแตก เจ้าอนุวงศ์ได้กวาดต้อนชาวเมืองนครราชสีมาเพื่อนำไปยังเมืองเวียงจันทน์</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<strong>จังหวัดชัยภูมิ</strong> สามารถแบ่งภูมิประเทศของจังหวัดชัยภูมิ ออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ<br /><strong>1. พื้นที่ราบในฝั่งแม่น้ำ</strong> มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 0 - 200 เมตร ได้แก่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำชีในอำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอจัตุรัส อำเภอคอนสวรรค์ บริเวณนี้จะเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง<br /><strong>2. พื้นที่ลูกคลื่นลอนต่ำ</strong> อยู่ตอนกลางของพื้นที่จังหวัด เป็นแนวยางตามทิศเหนือ-ใต้ ตามแนวเทือกเขาดงพญาเย็น มีความสูงประมาณ 200 - 300 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ได้แก่ พื้นที่บางส่วนในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอจัตุรัส อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอบ้านเขว้า และอำเภอคอนสวรรค์<br /><strong>3.พื้นที่สูงและภูเขา</strong> สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลอนลึกและภูเขา ในเขตเทือกเขาดงพญาเย็น มีความสูงตั้งแต่ 500 - มากกว่า 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ได้แก่ พื้นที่บางส่วนของอำเภอหนองบัวระเหว อำเภอคอนสาร อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอภูเขียว อำเภอแก้งคร้อ และพื้นที่ทางตอนเหนือของอำเภอเมือง</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดชัยภูมิ อยู่ในภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน มี 3 ฤดู โดยระยะเวลาในแต่ละฤดูอาจคลาดเคลื่อนไปตามสภาพดินฟ้าอากาศของแต่ละปี มีอากาศหนาวจัดในฤดูหนาว ร้อนจัดในฤดูร้อน และช่วงฝนสลับกับช่วงแห้งแล้งแตกต่างกันอย่างชัดเจนตามห้วงเวลาฤดูกาล</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
ชัยภูมิ ทิวทัศน์สวย รวยป่าใหญ่ มีช้างหลาย ดอกไม้งาม ลือนามวีรบุรุษ สุดยอดผ้าไหม พระใหญ่ทวารวดี</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
ขี้เหล็ก</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
กระเจียว</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://123.242.176.168/" style="color: #003366;" target="_blank">http://123.242.176.168</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ถนนบรรณาการ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ 36000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/chaiyaphom-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น 16 อำเภอ 124 ตำบล 1393 หมู่บ้าน 29 เทศบาล<br />อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอบ้านเขว้า อำเภอคอนสวรรค์ อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอหนองบัวแดง อำเภอจัตุรัส อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอเทพสถิต อำเภอภูเขียว อำเภอบ้านแท่น อำเภอแก้งคร้อ อำเภอคอนสาร อำเภอภักดีชุมพล อำเภอเนินสง่า อำเภอซับใหญ่</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-29118407529954567262013-04-29T23:49:00.002-07:002013-04-29T23:49:15.083-07:00จังหวัดขอนแก่น Khon-Kaen<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
เหตุที่เมืองนี้มีนามว่า เมืองขอนแก่นนั้นได้มีตำนานแต่โบราณเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ก่อนที่เพี้ยเมืองแพนจะอพยพไพร่พลมาตั้งบ้านตั้งเมืองขึ้นนั้น ปรากฏว่าบ้านขาม หรือตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพองปัจจุบัน ซึ่งเป็นเขตแขวงร่วมการปกครองกับบ้านชีโล้น มีตอมะขามขนาดใหญ่ที่ตายไปหลายปีแล้ว กลับมีใบงอกงามเกิดขึ้นใหม่อีก และหากผู้ใดไปกระทำมิดีมิร้ายหรือดูถูกดูหมิ่น ไม่ให้ความเคารพยำเกรง ก็จะมีอันเป็นไปในทันทีทันใด เป็นที่น่าประหลาดและมหัศจรรย์ยิ่งนัก ดังนั้น บรรดาชาวบ้านชาวเมืองในแถบถิ่นนั้นจึงได้พร้อมใจกันก่อเจดีย์ครอบตอมะขามนั้นเอาไว้เสีย เพื่อให้เป็นที่สักการะของคนทั่วไป พร้อมกับได้บรรจุพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า 9 บทเข้าไว้ในเจดีย์ครอบตอมะขามนั้นด้วย ซึ่งเรียกว่า พระเจ้า 9 พระองค์ แต่เจดีย์ที่สร้างในครั้งแรกเป็นรูปปรางค์ หลังจากได้ทำการบูรณะใหม่เมื่อราว 50 ปีที่ผ่านมานี้ จึงได้เปลี่ยนเป็นรูปทรงเจดีย์ และมีนามว่า พระธาตุขามแก่น ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตวัดเจติยภูมิ บ้านขาม ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น พระเจดีย์ขามแก่นถือว่าเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวจังหวัดขอนแก่น ซึ่งจะมีงานพิธีบวงสรวง เคารพสักการะกันในวันเพ็ญเดือน 6 ทุกปี ส่วนทางด้านทิศตะวันตกของเจดีย์พระธาตุขามแก่นนั้น มีซากโบราณที่ปรักหักพังปรากฏอยู่ โดยอยู่ห่างจากเจดีย์ราว 15 เส้น หรืออยู่คนละฟากทุ่งของบ้านขาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริเวณแถบนี้น่าจะเป็นที่ตั้งของเมืองมาก่อน แต่ได้ร้างไปนาน ดังนั้น จึงได้ถือเอานิมิตนี้มาตั้งนามเมืองว่าขามแก่น แต่ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนมาเป็นเมืองขอนแก่น จนกระทั่งทุกวันนี้</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดขอนแก่นมีสภาพพื้นที่ลาดเอียงจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออกและทิศใต้ บริเวณที่สูงทางด้านตะวันตกมีสภาพพื้นที่เป็นเขาหินปูนตะปุ่มตะป่ำสลับกับพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย มีระดับความสูงประมาณ 200-250 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีภูเขารูปแอ่งหรือภูเวียงวางตัวอยู่ติดอำเภอภูเวียง บริเวณที่สูงตอนกลางและด้านเหนือมีสภาพพื้นที่เป็นเทือกเขา ได้แก่ ภูเก้า ภูเม็ง ภูพานคำ เป็นแนวขวางมาจากด้านเหนือ แล้ววกลงมาทางตะวันตกเฉียงใต้ ไหล่เขาด้านนอกมีความสูงและลาดชันมาก สูงประมาณ 300-660 เมตร ไหล่เขาด้านในมีความลาดชันน้อย มีระดับความสูงประมาณ 220-250 เมตร<br />บริเวณแอ่งโคราช ครอบคลุมพื้นที่ทางด้านใต้จังหวัด สภาพพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย มีความสูงประมาณ 150-200 เมตร มีบางส่วนเป็นเนิน สูงประมาณ 170-250 เมตร และลาดต่ำไปทางราบลุ่มที่ขนานกับลำน้ำชี มีความสูงประมาณ 130-150 เมตร จากนั้น พื้นที่จะลาดชันไปทางตะวันออก มีลักษณะเป็นลูกคลื่นลอนลาดมีความสูงประมาณ 200-250 เมตร และค่อนข้างราบ มีความสูงประมาณ 170 -180 เมตร</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
สภาพภูมิอากาศของขอนแก่น โดยทั่วไปเป็นแบบทุ่งหญ้าในเขตร้อน คือ มีฝนตกสลับกับแห้งแล้ง ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีอุณหภูมิสูงสุดโดยเฉลี่ย 36.35 องศาเซลเซียส และมี 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม อากาศร้อนจัดในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม โดยจะมีฝนตกชุกในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี และฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ สภาพอากาศจะหนาวเย็น โดยทั่วไปจะหนาวจัดในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคมของทุกปี อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 15.4 องศาเซลเซียส</div>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
พระธาตุขามแก่น เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแก่นนครใหญ่ ไดโนเสาร์สิรินธรเน่ สุดเท่เหรียญทองแรกมวยโอลิมปิก</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
ชัยพฤกษ์</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
ราชพฤกษ์ (คูน)</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.khonkaen.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.khonkaen.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ถนนศูนย์ราชการ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 40000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/khonkaen-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">26 อำเภอ 199 ตำบล 2139 หมู่บ้าน</span><br />อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอบ้านฝาง อำเภอพระยืน อำเภอหนองเรือ อำเภอชุมแพ อำเภอสีชมพู อำเภอน้ำพอง อำเภออุบลรัตน์ อำเภอกระนวน อำเภอบ้านไผ่ อำเภอเปือยน้อย อำเภอพล อำเภอแวงใหญ่ อำเภอแวงน้อย อำเภอหนองสองห้อง อำเภอภูเวียง อำเภอมัญจาคีรี อำเภอชนบท อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอภูผาม่าน อำเภอซำสูง อำเภอโคกโพธิ์ไชย อำเภอหนองนาคำ อำเภอบ้านแฮด อำเภอโนนศิลา อำเภอเวียงเก่า</div>
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5961157993128329920.post-45062198789325101862013-04-29T23:48:00.000-07:002013-04-29T23:48:29.200-07:00จังหวัดกาฬสินธุ์ Kalasin<br />
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
กาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน จากหลักฐานทางโบราณคดีบ่งบอกว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าละว้า ซึ่งมีความเจริญทางด้านอารยธรรมประมาณ 1,600 ปี จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เริ่มตั้งเป็นเมืองในสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2336 โดยท้าวโสมพะมิตร ได้อพยพหลบภัยมาจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงพร้อมไพร่พล และมาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ำปาว เรียกว่า “บ้านแก่งสำโรง” แล้วได้นำเครื่องบรรณาการเข้าถวายสวามิภักดิ์ต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช ต่อมาได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ยกฐานะบ้านแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมือง และพระราชทานนามว่า “เมืองกาฬสินธุ์” หรือ “เมืองน้ำดำ” ซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล “กาฬ” แปลว่า “ดำ” “สินธุ์” แปลว่า “น้ำ” กาฬสินธุ์จึงแปลว่า “น้ำดำ” ทั้งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ท้าวโสมพะมิตรเป็น “พระยาชัยสุนทร” ครองเมืองกาฬสินธุ์เป็นคนแรก</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิประเทศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
จังหวัดกาฬสินธุ์ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงจนถึงที่ราบลุ่มมีน้ำแช่ขัง ดังนั้น ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปของจังหวัดกาฬสินธุ์สามารถแบ่งลักษณะภูมิประเทศได้ ๕ ลักษณะ ดังนี้<br />
๑. พื้นที่ที่เป็นภูเขา ได้แก่ เทือกเขาภูพาน ซึ่งมีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ๒๐๐ –๕๐๐ เมตร อยู่ทางทิศตะวันออก และทิศเหนือของจังหวัดในพื้นที่ของอำเภอ สมเด็จ ,อำเภอเขาวง อำเภอกุฉินารายณ์ ,อำเภอห้วยผึ้ง บริเวณนี้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญได้แก่ ลำน้ำปาว ,ลำน้ำพาน<br />
๒. สภาพที่เป็นหุบเขา อยู่ในเขตอำเภอเขาวง มีลักษณะเป็นที่ราบระหว่าง หุบเขาสภาพเป็นลูกคลื่น สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ๑๗๕ – ๒๕๐ เมตร มีลักษณะเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้น อยู่ในเขตอำเภอท่าคันโท อำเภอ สหัสขันธ์ บริเวณทิศเหนือของอำเภอยางตลาด ทิศใต้ของอำเภอสมเด็จ และบางส่วนของอำเภอห้วยผึ้ง<br />
๓. สภาพเป็นลูกคลื่น สูงจากระดับน้ำปานกลาง ๑๗๕ – ๒๕๐ เมตร มีลักษณะเป็นลูกคลื่น ลอนตื้น อยู่ในเขตอำเภอท่าคันโท อำเภอสหัสขันธ์ บริเวณทิศเหนือของอำเภอยางตลาด ทิศใต้ของอำเภอสมเด็จ และบางส่วนของอำเภอห้วยผึ้ง<br />
๔. สภาพค่อนค้างราบ มีระดับน้ำทะเลปานกลาง ๑๕๐ – ๑๗๐ เมตร อยู่ในบริเวณอำเภอเมือง อำเภอยางตลาด บางส่วนของทิศใต้ของอำเภอสหัสขันธ์ ทางทิศตะวันออกของอำเภอสมเด็จ และอำเภอห้วยผึ้ง<br />
๕. สภาพพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งน้ำ เป็นที่ราบริมฝั่งแม่น้ำชี ลำน้ำปาว ลำน้ำพาน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ๑๔๐ – ๑๕๐ เมตร อยู่ในอำเภอกมลาไสย บางส่วนของอำเภอเมืองและอำเภอยางตลาด</div>
<h2 style="background-color: white; color: #cc3300; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
ภูมิอากาศ</h2>
<div style="background-color: white; color: #333333; font-family: Verdana, Geneva, sans-serif; font-size: small; padding: 0px 10px 10px;">
ภูมิอากาศโดยทั่วไปของจังหวัดกาฬสินธุ์ มีอากาศร้อนจัดในฤดูร้อน และอากาสหนาวในฤดูหนาว ในปี ๒๕๕๓ มีฝนตก ๑๑๖ วัน โดยฝนเริ่มตกประมาณกลางเดือนเมษายน ถึง ปลายเดือนกันยายน ปริมารน้ำฝน ๑๒๙๗.๘ มิลลิลิตร อุณหภูมิสูงสุด ๔๒.๓ องศาเซลเซียส ในเดือนพฤษภาคม และต่ำสุดในเดือนมกราคม ซึ่งมีอุณหภูมิ ๑๔.๓ องศาเซลเซียส (ที่มา : สถานีอุตุนิยมวิทยากาฬสินธุ์)<br />
<br />
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: black; font-size: small; width: 100%px;"><tbody>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top" width="87%"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
คำขวัญ :</h3>
เมืองฟ้าแดดสงยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมผู้ไทย ผ้าไหมแพรวา ผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ต้นไม้ :</h3>
มะหาด</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ดอกไม้ :</h3>
พะยอม</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
เว็บไซต์ :</h3>
<a href="http://www.kalasin.go.th/" style="color: #003366;" target="_blank">http://www.kalasin.go.th</a></td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
ศูนย์ราชการ :</h3>
ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ถนนกาฬสินธุ์ ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ 46000</td></tr>
<tr><td align="left" style="color: #666666; font-style: italic; padding: 4px;" valign="top"><h3 style="color: black; float: left; font-size: 1em; font-style: normal; margin: 0px; padding: 0px;">
แผนที่ :</h3>
<a href="http://www.esanlike.com/map/kalasin-tourist-map.html" style="color: #003366;" target="_blank">แผนที่ท่องเที่ยว</a></td></tr>
</tbody></table>
<br />
<h2 style="color: #cc3300; font-size: 1.2em; margin: 2px; padding: 2px;">
หน่วยการปกครอง</h2>
<div style="padding: 0px 10px 10px;">
การปกครองแบ่งออกเป็น <span style="color: maroon;">18 อำเภอ 135 ตำบล 1584 หมู่บ้าน</span><br />อำเภอเมืองกาฬสินธุ์, อำเภอนามน, อำเภอกมลาไสย, อำเภอร่องคำ, อำเภอกุฉินารายณ์, อำเภอเขาวง, อำเภอยางตลาด, อำเภอห้วยเม็ก, อำเภอสหัสขันธ์, อำเภอคำม่วง, อำเภอท่าคันโท, อำเภอหนองกุงศรี, อำเภอสมเด็จ, อำเภอห้วยผึ้ง, อำเภอสามชัย, อำเภอนาคู, อำเภอดอนจาน, อำเภอฆ้องชัย</div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/05889084820593353060noreply@blogger.com0